เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 11 พฤษภาคม ที่ลานปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรค ร่วมงานวันปรีดี พนมยงค์ ประจำปี 2562 ซึ่งปีนี้เป็นวาระครบรอบชาตกาล 119 ปี โดยบรรยากาศในงาน มีทายาทและครอบครัวของนายปรีดี พนมยงค์ พร้อมด้วยนักวิชาการและนักการเมืองเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง อาทิ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายแทนคุณ จิตต์อิสระ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.ลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง สมาชิกพรรคเพื่อไทย ทั้งนี้ แต่ละพรรคการเมืองได้มอบพานพุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์การเรียนและอุปกรณ์การกีฬา เพื่อนำไปมอบให้แก่ ร.ร.บ้านหนองเพรางาย และ ร.ร.วัดเพรางาย จ.นนทบุรี โดยก่อนที่นายธนาธรจะเข้าวางพานพุ่ม ได้ทักทายกับนายองอาจ ด้วยการสวมกอดและตบไหล่ด้วย
นายธนาธรให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจัดอบรม ส.ส.ของพรรค มีอะไรที่ต้องกำชับเป็นพิเศษหรือไม่ว่า การอบรม ส.ส.ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันนี้ และวันที่ 12 พฤษภาคม โดยเนื้อหาการอบรมจะมีการติวเข้มเรื่องการพิจารณาตัวบทกฎหมาย ขอบเขต อำนาจหน้าที่ของ ส.ส. ซึ่งเป็นการอบรมที่เราได้ทำมาอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นเครื่องการันตีว่า เมื่อ ส.ส.ของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็น ส.ส.สมัยแรก ได้เข้าไปทำงานในสภาแล้ว จะเป็น ส.ส.ที่มีคุณภาพ
เมื่อถามถึงกระแสข่าวมีการเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลขั้วที่ 3 โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่เปลี่ยนทิศทางมาผลักดัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แคนดิเดตนายกฯ พรรคประชาธิปัตย์ และนายอนุทิน ชาญวีรกูล แคนดิเดตนายกฯ พรรคภูมิใจไทย ขึ้นเป็นนายกฯ นายธนาธรกล่าวว่า ตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่า ยังไม่สะดวกใจที่จะให้ข้อมูล
“เนื่องจากขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพูดคุย จึงอยากจะเคารพกลุ่มคนหรือพรรคการเมืองต่างๆ ที่เราพูดคุยด้วย ถ้าพูดรายละเอียดในตอนนี้ ก็ถือว่าเป็นการไม่เคารพกับอีกฝ่าย อีกทั้งจะเกิดความไม่เชื่อใจซึ่งกันและกัน วันนี้จึงยังไม่ขอชี้แจงรายละเอียด แต่ในอนาคต ถ้ามีความชัดเจน ทางพรรคอนาคตใหม่พร้อมจะแถลงทันที” นายธนาธรกล่าว
เมื่อถามย้ำว่า พรรคอนาคตใหม่ยังยืนยันจะจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายธนาธรกล่าวว่า พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าพรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นั้น มีเสียงมากพอที่จะปิดสวิตช์ ส.ว.ได้ โดย 378 เสียง ที่ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ มีมากกว่ากลุ่มพรรคที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ และ ส.ว. 250 คน โดยเมื่อ 378 เสียง รวมกันได้แล้ว ก็ตกลงกันได้ว่าใครจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แล้วมายกมือเลือกนายกฯ ที่มาจาก 378 เสียงนี้ เท่ากับสามารถปิดสวิตช์ ส.ว.ได้ และสุดท้าย นายกฯ ก็จะมาจากเสียงของประชาชน ส่วนความคืบหน้าของการปิดสวิตช์ ส.ว.นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาพูดคุย ตนไม่ทราบว่าจะทำได้หรือไม่ แต่จะพยายามอย่างเต็มที่