เมื่อวันที่ 26 มกราคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์กรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ระบุหากประชามติไม่ผ่าน ประชาชนจะได้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 มาใช้ ว่า ฟังดูแล้วเป็นคำตอบที่ว่ากันไปตามรูปแบบในทางกฎหมาย ประชาชนฟังแล้วก็คงงงๆ ก็คงใช้แบบที่นายมีชัยว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบันก็ยังคงอยู่ ถึงเวลานั้นก็ต้องตั้งต้นกันที่รัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ว่าจะทำอย่างไรกันต่อไป จะตั้งกรรมการยกร่างใหม่ หรือจะใช้แนวทางอย่างใด ซึ่งก็ต้องแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 นั่นเอง
ฟังจากคำสัมภาษณ์ของนายมีชัย โดยรวมแล้วน่าจะมีเป้าหมายความต้องการว่า ไม่สมควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ในเวลานี้ ตามข้อเรียกร้องที่หลายฝ่ายเสนอว่าควรแก้ไขเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว มีปัญหาในเรื่องถ้อยคำการนับคะแนนเสียงประชามติ และมิได้กำหนดไว้ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติแล้วจะทำอย่างไร ดังเช่นที่พรรคเพื่อไทยเคยเสนอไว้ สมัยยกร่างรัฐธรรมนูญในชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ว่า หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็ควรมีทางเลือกให้ประชาชน เราจึงเสนอให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 มาปรับใช้ แล้วจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน เป็นทางเลือกให้ประชาชน มิฉะนั้นประชาชนจะคิดไปคล้ายๆ ตอนรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าถ้าไม่ผ่านแล้วอาจจะเจออะไรที่ร้ายยิ่งกว่า เลยให้ผ่านๆ ไปก่อน จึงเกิดการรณรงค์ให้ผ่านไปก่อนแล้วแก้ภายหลัง ซึ่งก็แก้ไม่ได้
“ฟังดูแล้วท่านไม่อยากให้แก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวตอนนี้ ทิ้งไว้อย่างนี้แหละ ถ้าแก้แล้วจะดูเป็นเงื่อนไขหรือชี้นำว่าไม่ให้ผ่าน สำหรับส่วนตัว ยังคงยืนยันว่า ก่อนทำประชามติครั้งนี้ควรแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ควรเปิดทางเลือกให้ประชาชนให้เห็นอนาคตความเป็นไปในทางการเมือง ในการตัดสินใจอนาคตของประเทศ หากร่างมาดีจริงแล้วจะไป กลัวอะไรกับอำนาจของประชาชน กลัวอะไรกับการไม่ผ่านประชามติ ส่วนข้อกังวลว่าหากประชามติไม่ผ่านแล้ว รัฐบาลยังมีมาตรา 44 อาจนำมาใช้ผ่าทางตัน คิดว่ามาตรา 44 คงไม่อาจนำมาใช้ในทางที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) 2557 ได้” นายชูศักดิ์กล่าว