พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำรายชื่อ ส.ว. 250 คน ขึ้นทูลเกล้าฯเมื่อวันที่ 10 พ.ค. คาดหมายว่า ส.ว.ชุดนี้ จะมาจากเครือข่ายของ คสช. ได้แก่ รัฐมนตรีใน ครม.ที่ยื่นลาออกก่อนหน้านี้ 15 คน จากกลุ่ม สนช. จากสภาแต่งตั้งซึ่งแข็งขันในการสนับสนุน คสช.มาก่อน อดีตนายทหาร อดีตข้าราชการและภาคเอกชนที่สนับสนุนรัฐบาล อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์รายหนึ่ง โพสต์ในโซเชียลมีเดียว่า “ตอนนี้ไม่ใช่ยุคสภาผัวเมียแบบเมื่อก่อนแล้ว แต่เป็นสภาพี่น้อง เพื่อนพี่ เพื่อนน้อง เพื่อนของเพื่อน และเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนที่รู้จักกันผ่านหลักสูตรชั้นสูง” พร้อมกับติดแฮชแท็ก “คนไม่รู้จักก็ต้องอดไป”
ส.ว. 250 คน จะมาจาก กกต.เปิดรับสมัครแล้วให้เลือกกันเองเหลือ 200 คน แล้วสุดท้าย คสช.เลือก 50 คน 6 คนมาจากผู้มีตำแหน่งทางด้านความมั่นคง ได้แก่ ปลัดกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจ ที่เหลือ 194 คน เกิดจากการตั้งกรรมการสรรหาคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม 400 คน แล้วให้ คสช.เลือก 194 คน กระบวนการต่างๆ ไม่เป็นที่้้เปิดเผยมากนัก จนเกิดการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการรัฐสภาว่า ไม่โปร่งใสและขัดกับรัฐธรรมนูญ
รัฐธรรมนูญและบทเฉพาะกาลกำหนดให้ ส.ว.ชุดนี้มีความพิเศษหลายข้อ เริ่มจากจำนวน 250 คน แตกต่างจากรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ 200 คน ที่มาของ ส.ว.ให้มาจากเลือกกันเองจนได้ 200 คน แต่บทเฉพาะกาลให้เลือกกันเองก็จริง แต่สุดท้ายให้ คสช.เป็นผู้เลือกอีกครั้ง ให้มีกรรมการสรรหาจนได้จำนวนที่กำหนด แล้วให้ คสช.ชี้ขาดอีกครั้ง มีวาระ 5 ปี จากปกติมี 4 ปี ให้ประชุมร่วมกับสภาผู้แทนฯ ในการพิจารณากฎหมายที่เกี่ยวกับการปฏิรูป บทเฉพาะกาลยังยกเว้นข้อห้ามบางประการ ทำให้รัฐมนตรีที่เพิ่งพ้นตำแหน่งไม่ถึง 5 ปี มารับหน้าที่นี้ได้
หน้าที่สำคัญ ได้แก่ การประชุมร่วมกับ
สภาผู้แทนฯ เพื่อกำหนดตัวนายกรัฐมนตรี ซึ่งอดีตเป็นหน้าที่ของสภาผู้แทนฯ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ทำให้การสรรหานายกฯด้วยเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯเปลี่ยนแปลงไป เพราะยังมีเสียง 250 ส.ว.เข้ามากำหนด แม้มีเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ถ้าไม่มีเสียง ส.ว.สนับสนุน ก็ไม่มีผล ทั้งหมดนี้เป็นการออกแบบหรือดีไซน์เพื่อผลทางการเมือง ที่กำลังปรากฏชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
