ผลของรัฐประหาร 2534 และการใช้กำลังทหารเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมในเดือนพฤษภาคม 2535 ทำให้ได้มาซึ่ง “รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน” พ.ศ.2540
ผลของ “รัฐธรรมนูญ 2540” ทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนไป
เกิดมี พรรคการเมืองที่เข้มแข็งและเติบโตอย่างต่อเนื่อง เกิดมีรัฐบาลที่เข้มแข็งครองเสียงข้างมาก “พรรคเดียว”
เกิดมี สภาผู้แทนราษฎรที่อยู่ครบวาระ 4 ปีเป็น “ชุดแรก” และเกิดมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง “ชุดแรก” ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่บริหารประเทศครบวาระ 4 ปี
ในการเลือกตั้งปี 2544 พรรคไทยรักไทย ได้ ส.ส. 248 คนจากที่นั่ง ส.ส. 500 คน และต่อมาเมื่อมีการเลือกตั้งในปี 2548 พรรคไทยรักไทยก็ชนะอย่างท่วมท้น ได้ ส.ส.ถึง 377 คน จึงเป็น “พรรคการเมืองแรก” ที่สามารถจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ดังเจตจำนงรัฐธรรมนูญ 2540
พรรคการเมืองเข้มแข็ง รัฐบาลพลเรือนเข้มแข็ง การเมืองไทยกำลังจะกลายเป็น 2 พรรคใหญ่เหมือนในอเมริกา
แต่แล้วรัฐธรรมนูญ 2540 ก็ถึงกาลอวสาน!
19 กันยายน 2549 กองทัพก่อรัฐประหาร
ในปี 2550 พรรคไทยรักไทย ถูกยุบ “แกนนำ” ทั้งหมดถูกตัดสิทธิทางการเมือง
สร้างรัฐธรรมนูญ 2550 เป็นกติกาใหม่แล้วให้มีการเลือกตั้งปลายปีเดียวกัน
“พรรคพลังประชาชน” ที่ก่อรูปขึ้นใหม่จากซากของ “ไทยรักไทย” ชนะเลือกตั้ง ได้ ส.ส.เข้าสภาถึง 233 คน รวมกับพรรคอื่นๆ จัดตั้งรัฐบาล 316 เสียง
แต่ปีเดียวเท่านั้น พรรคพลังประชาชน ถูกยุบอีก
มีที่ไหนในโลกที่จะพบจุดจบได้ง่ายดาย รวดเร็ว ฉับพลันทันใจขนาดนี้
ภายใต้กติกา “ผลไม้พิษ” เลือกตั้งอีกครั้งในปี 2554
ไทยรักไทย-พลังประชาชน กลับมาใหม่ในนาม “เพื่อไทย” ชนะเลือกตั้งถล่มทลายอีก ได้ ส.ส. 265 ที่นั่ง
นับเป็น “ครั้งที่ 2” ที่พรรคเดียวได้ “เสียงข้างมาก” ในสภา
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่นั่งอยู่ได้ 2 ปีก็ยุบสภา และระหว่างรักษาการ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ก็ตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งในวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 จากเหตุที่ย้าย นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการ สมช.
ไม่กี่วันหลังจากนั้นก็มีรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
เริ่มต้นยุค “คสช.” ที่ชวนเชื่อในตอนแรกว่า “ขอเวลาอีกไม่นาน”
สิ่งที่สงบนิ่งซุ่มซ่อนมายาวนานตั้งแต่หลังพฤษภา’35 มิใช่เพิ่งจะมาปรากฏ !?!!
