นิวส์รูมวิเคราะห์ : ‘ผู้มีพระคุณ’ ช่วย ‘ธนาธร-อนาคตใหม่’ เดินเกมตั้งรบ.-โดดเดี่ยวพปชร.

หลัง “กกต.” ประกาศรับรองส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต 349 คน และปาร์ตี้ลิสต์ 149 คน รวม 498 คน

กระแสการจับขั้วตั้งรัฐบาล มีแนวโน้มว่าจะเทไปทางฝั่ง “พลังประชารัฐ” ที่ได้ส.ส.อันดับ 2 จำนวน 115 ที่นั่ง

ส่วน “เพื่อไทย” ที่ได้ส.ส.มากสุด 136 ที่นั่ง ซึ่งประกาศรวมเสียงกับพรรคต่างๆ ตั้งแต่ไก่โห่เพื่อจัดตั้งรัฐบาลดูจะแผ่วลงไป

กระทั่ง “เจ๊หน่อย-คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์” ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ประกาศกลางที่ประชุมส.ส.ของพรรค เมื่อ 16 พฤษภาคมว่า พร้อมเสียสละไม่รับตำแหน่งนายกฯ

Advertisement

เป็นการเปิดทางให้พรรคอื่น (ที่ไม่ใช่พลังประชารัฐ) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสกัดไม่ให้ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง

จากนั้น ไม่นาน “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรค “อนาคตใหม่” ก็ประกาศพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทน “เพื่อไทย” แข่งกับ “พลังประชารัฐ” และพร้อมเป็นนายกฯแข่งกับ “บิ๊กตู่”

7 พรรคที่จับมือกันอยู่ 245 เสียง (เพื่อไทย 136 – อนาคตใหม่ 80 – เสรีรวมไทย 10 – ประชาชาติ 7 – เศรษฐกิจใหม่ 6 – เพื่อชาติ 5 -พลังปวงชนไทย 1) แน่นปึ้กอยู่แล้ว แต่ยังไม่เพียงพอ

Advertisement

ตัวแปรที่สำคัญคือ “ประชาธิปัตย์” ที่มี 52 เสียง กับ “ภูมิใจไทย” 51 เสียง ที่เดิมมีข่าวว่าจะไปอยู่กับขั้ว “พลังประชารัฐ” ก็เริ่มไม่แน่นอนแล้ว

หลังจาก “ประชาธิปัตย์” ได้ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่ไม่ใช่ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ทำให้ “พลังประชารัฐ” ต้องเหนื่อยกว่าเดิม

ทำให้ “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” มีอำนาจต่อรองสูงขึ้น อยู่ที่ว่า “พลังประชารัฐ” หรือ “อนาคตใหม่” จะมีข้อเสนออะไรน่าสนใจมากกว่ากัน

สำหรับคีย์แมนของ “พลังประชารัฐ” รู้กันอยู่ว่าเป็นผู้มีอำนาจและมากบารมี เป็นมือประสานสิบทิศ ที่เจรจาต้าอวย ค่อนข้างจะลงตัวแล้ว แต่เมื่อ “อนาคตใหม่” ประกาศเดินเกมสู้ อาจทำให้ดีลแตกได้

ลำพังแค่ “ธนาธร” และแกนนำ “อนาคตใหม่” ยังไม่มีศักยภาพและคอนเนกชั่นพอ ต้องอาศัย “ผู้ที่มีพระคุณ” ช่วยเดินเกมเจรจากับผู้มากบารมีใน “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย”

คีย์แมนของ “อนาคตใหม่” ผู้นี้ แม้จะโลว์โปรไฟล์ทั้งทางการเมืองและธุรกิจ แต่คอนเนกชั่นแน่นปึ้ก

ขณะเดียวกันการเจรจาต่อรองครั้งนี้ อาจต้องมีข้อเสนอพิเศษที่ “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” ยากที่จะปฏิเสธ

แต่เป็นข้อเสนอพิเศษ ที่ “ธนาธร” มิอาจยุ่งเกี่ยวได้

ด้วยเพราะเกมการเมือง กับเกมธุรกิจ ไม่ต่างกันมากนัก ในการใช้ชั้นเชิงและกลยุทธ์ต่อรองเพื่อให้สำเร็จตามเป้าหมายที่จะดึงพรรคต่างๆ มาร่วมตั้งรัฐบาล แล้วโดดเดี่ยว “พปชร.” กับบรรดาพรรคเล็ก

นอกจากนี้ การที่ “อนาคตใหม่” ประกาศเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล จะเป็นบันไดให้ “ประชาธิปัตย์” มีทางลงแก้ตัวว่า ไม่ได้จับมือกับ “เพื่อไทย” คู่แค้นโดยตรง แต่จับมือผ่าน “อนาคตใหม่”

ขณะที่ “เพื่อไทย” แม้จะมีเสียงมากสุด แต่พร้อมกลืนเลือด ยอมชวดเก้าอี้สำคัญ ขอแค่ให้ได้เป็นรัฐบาล ไม่อย่างนั้นแกนนำพรรคที่ไม่ได้เป็นส.ส.สักคน จะตกงานยกแผง

ส่วน “ภูมิใจไทย” นั้น หากขั้วไหนได้เป็นรัฐบาลชัวร์ ก็ขอไปด้วย เช่นเดียวกับ “ชาติไทยพัฒนา” และ “ชาติพัฒนา”

หากขั้ว “อนาคตใหม่” ดึง “ประชาธิปัตย์” และ “ภูมิใจไทย” มาได้ จะเพิ่มเป็น 348 เสียง และไม่ยากที่ได้ “ชาติไทยพัฒนา” 10 เสียง กับ “ชาติพัฒนา” 3 เสียงมาด้วย ก็จะเป็น 361 เสียง

แม้จะไม่ถึงขั้นปิดสวิตช์ส.ว.โหวตเลือกนายกฯ ที่ต้องได้เกิน 376 เสียง แต่ 361 เสียงก็มากพอที่จะทำให้ส.ว.บางคนไม่กล้าเสี่ยงที่จะโหวตสวน

ต้องดูว่าขั้ว “พลังประชารัฐ” จะสกัดดีล “อนาคตใหม่” นี้ได้หรือไม่

ดังนั้น การเลือกประธานสภาผู้แทนฯ 25 พฤษภาคม และการโหวตเลือกนายกฯสิ้นเดือนนี้… อะไรก็เกิดขึ้นได้

ดังที่ว่า “การเมืองไทย” เป็นละครโรงใหญ่-ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร

เกาะติดการเมือง กับ Line@มติชนการเมือง

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image