‘ประชาชาติ’ ฉะ ‘บิ๊กตู่’ อาจเข้าข่ายครอบงำ พปชร. เหตุขอดูแลกระทรวงมั่นคง

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม นายสุพจน์ อาวาส รองโฆษกพรรคประชาชาติ (ปช.) ระบุว่ารู้สึกตกใจที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จู่ๆ ออกมาประกาศต่อสื่อมวลชนว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ต้องดูแลกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคม รวมถึงต้องการให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะการกระทำข้างต้นขัดกับมาตรา 92 (3) และมาตรา 28 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่ระบุว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอมหรือกระทำการอันใดทำให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม” เพราะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรค พปชร.ได้ หรือ พล.อ.ประยุทธ์อาจพลั้งเผลอและยังแยกไม่ออกว่า ขณะนี้ต้องเล่นบทอะไรที่ให้เหมาะกับสถานการณ์

“เรื่องนี้น่าจะมีมูลและเข้าข่ายควบคุม ครอบงำ หรือ ชี้นำ พปชร. เพราะในเวลาต่อมา คสช.ออกมาแก้เกี้ยวและระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ แค่เป็นห่วงและไม่มีนัยอะไรแอบแฝง เข้าลักษณะโยนหินถามทางเพื่อดูว่าพรรคร่วมต่างๆ จะมอง หรือ สะท้อนต่อท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของ พรรค พปชร. อย่างไรก็ตาม ตังข้อสังเกต 3 ข้อคือ 1.ความเป็นนายกรัฐมนตรีตามที่ได้รับการเสนอชื่อยังไม่เกิดแถมยังไม่มีการเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ยังมิได้เป็นสมาชิกพรรค พปชร. แต่ถ้าเป็นก็ยิ่งน่าตกใจและแสดงว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมามีการใช้อำนาจรัฐหนุนเสริมพรรค พปชร.และส่งผลให้การเลือกตั้งหมิ่นเหม่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม หรือเอื้อและอำนวยต่อพรรค พปชร.และ 3.หน้าที่ในการพิจาณาและเสนอชื่อ หรือ ฟอร์ม (form) ทีมฝ่ายบริหารเป็นหน้าที่ของหัวหน้าและกรรมการบริหาร รวมถึงสมาชิกพรรค ดังนั้น การที่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมาพูดภายใต้กรอบเวลาที่ไม่เหมาะสมและไม่อยู่ในสถานะที่ต้องพูด จึงไม่เห็นจะเป็นประโยชน์อะไร หรือว่าคุ้นชินและถือปฏิบัติเป็นปกติวิสัย” นายสุพจน์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image