เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ( ปชป.) เปิดเผยถึงกรณีคลิปเสียงเมื่อวันที่ 13 เม.ย. 62 ที่ระบุจะหารือหัวหน้าพรรคปชป.เพื่อร่วมรัฐบาล พปชร. ว่า การปราศรัยที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2562 เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัว เชื่อว่าทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นได้ แต่ล่าสุดเมื่อตนเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรของพรรคก็จะต้องยอมรับมติขององค์กร เช่นเดียวกับ ส.ส.และกรรมการบริหารพรรคทุกคนก็มีสิทธิแสดงความเห็น ส่วนมติพรรคจะออกมาในทิศทางใดต้องรอการตัดสินใจร่วมกัน มติออกมาอย่างไรก็ต้องยอมรับและตนยืนยันว่ายังใช้สโลแกนคำไหนคำนั้น ทั้งนี้จากการรับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่เห็นด้วยหากพรรคจะเข้าร่วมรัฐบาล จึงเป็นที่มาของการตัดสินใจแสดงความเห็นส่วนตัว แต่สุดท้ายตนต้องเคารพมติพรรค จะไม่ทำตามคงไม่ได้ ส่วนที่บอกกับประชาชนในวันที่ 13 เมษายน ระบุว่าถ้าผิดจากนี้แล้วเลิกกัน ขอชี้แจงว่าเป็นการพูดเพื่อชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ให้มีความเข้าใจจากความรู้สึกส่วนตัว
“ผมพูดตรงๆว่าวันนี้ผมสอบไม่ผ่าน ผมสอบตก ถ้าผมผลักดันไม่ได้ จะให้ผมทำอย่างไร ผมก็ต้องอยู่เฉยๆ ในวันที่ 13 เมษายนผมพูดในวันที่รู้ผลการเลือกตั้งของผมแล้ว การพูดในวันนั้นผมไม่รู้ว่าต่อไปกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะมีใครบ้าง หรือหัวหน้าพรรคเป็นใคร ดังนั้นควรแยกประเด็นให้ชัดเจน สำหรับมติเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานของพรรคเชื่อว่าไม่เกินวันที่ 23 – 24 พฤษภาคม นี้ คงไม่ช้าไปกว่านี้ ส่วนการทำหน้าที่เลขาพรรคในขณะที่สมาชิกพรรคหรือผู้เกี่ยวข้องในพรรคมีความเห็นที่หลากหลายยืนยันว่าไม่ลำบากใจ ความคิดเห็นแตกต่างกันได้เป็นเรื่องธรรมดา เพราะเชื่อว่าทุกคนมีหลักการ มีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูพรรค ถ้าทุกคนมองที่องค์กรเป็นหลักมีเป้าหมายหลัก เรื่องนี้ผมคิดว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และทุกอย่างจะชี้ชัดออกมาว่าพรรคจะทำงานได้หรือไม่ ส่วนที่วิจารณ์ว่าพรรคจะแตก จะสูญพันธ์ ผมไม่รำคาญเพราะอยู่ในจุดที่จะรับฟังความเห็นทั้งหมดไม่มีปัญหา ” นายเฉลิมชัย กล่าว
นายเฉลิมชัย กล่าวอีกว่า การทำหน้าที่เลขาฯพรรคในระยะ 3 – 6 เดือนจะต้องมีความเปลี่ยนแปลงในส่วนของแนวทาง วิธีการดำเนินการ ต้องมีความชัดเจน และขอเรียนว่าตนเข้ามาเพื่อสลายความขัดแย้งส่วนตัวของคนในพรรค เพราะเชื่อว่าประชาธิปัตย์เป็นองค์กรใหญ่ ทุกคนมีความรักความผูกพันกับองค์กรดังนั้นความขัดแย้งไม่ใช่ปัญหาใหญ่ วันนี้พรรคได้ทำตามกติกาประชาธิปไตยทุกอย่างเมื่อมติออกมาอย่างไร ผู้ชนะคือผู้บริหารองค์กรที่จะทำให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมจากจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพียงแต่วิธีคิดอาจจะต่างกันบ้างไม่ใช่เรื่อแปลก และไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะคุยกันไม่ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่จะทำให้ ปชป.เดินไปข้างหน้าได้จะต้องมาพุดคุยกัน สำหรับตนยืนยันว่าจะไม่ทิ้งพรรค ถ้าจะทิ้งคงไม่อาสาเข้ามาทำงานเป็นเลขาธิการพรรค
“ การกำหนดทิศทางทางการเมืองในอนาคตจะคุยจบภายในองค์กร ทุกคนต้องมีความเข้าใจ พุดคุยกันแบบเปิดอก ผมเชื่อว่าด้วยความเป็นสถาบันหลักทุกคนจะทำงานได้ และการตัดสินใจในพรรคไม่เกี่ยวกับปัจจัยอื่นนอกพรรคหรือพรรคการเมืองอื่น ขอให้ทุกฝ่ายไว้วางใจว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่รักพรรค ต้องการให้พรรคเป็นจุดศูนย์รวมของความร่วมมือ ดังนั้นจึงต้องทำทุกทางเพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วม ” นายเฉลิมชัย กล่าว
อ่านข่าวเกี่ยวข้องhttp://ฟังเสียงจากคลิป เลขาฯ ปชป.จ่อถกจุรินทร์เจรจาร่วม รบ.หนุนบิ๊กตู่ https://www.matichon.co.th/politics/news_1500956
