ลีลาท่าที การเมือง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย กับ ‘พลังประชารัฐ’

ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดินสมควรได้รับการยกย่อง

ยกย่องที่กล้าลง “เลือกตั้ง”

ทั้งๆ ที่รู้อยู่เป็นอย่างดีว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ได้ “ล็อก” เอาไว้แล้วว่าพรรคการเมืองใดจะได้จัดตั้งรัฐบาล

ที่สำคัญคือ ใครจะได้เป็น “นายกรัฐมนตรี”

Advertisement

นี่เป็นความวีระอาจหาญไม่แตกต่างไปจากการตัดสินใจลงสมัครรับเลือกตั้งของ นายชวน หลีกภัย ตามกติกาของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2511

นั่นก็คือ รู้ว่าพรรคการเมืองใดและใครจะเป็นรัฐบาล

นั่นก็คือ รู้ว่าพรรคสหประชาไทยมีแต้มต่อเหนือกว่า รู้ว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็น จอมพลถนอม กิตติขจร แน่นอน

นักการเมือง พรรคการเมือง ที่กล้าอย่างนี้ต้องยกย่อง

ขณะเดียวกัน เมื่อผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาในวันที่ 24 มีนาคม เมื่อมีการเคลื่อนไหวทั้งจาก คสช.และเครือข่ายก็แจ่มชัดอย่างยิ่งว่า

ต้องการชูพรรคการเมืองใด ต้องการด้อยค่าพรรคการเมืองใด

ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเพื่อค้ำประกันชัยชนะให้กับพรรคพลังประชารัฐและพันธมิตร ทุกการเคลื่อนไหวล้วนรองรับให้กับ “ล็อก” ที่วางเอาไว้ตั้งแต่รัฐประหาร

การต่อสายเพื่อดึงพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จึงมิได้เป็นเรื่องแปลก

ขณะเดียวกัน หากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐก็มิได้เป็นเรื่องแปลก

เพราะอย่างน้อย 250 ส.ว.ก็พร้อมยกมือให้อยู่แล้ว

ไม่ว่ายุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ไม่ว่ายุค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ไม่ว่ายุค พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ก็เป็นเช่นนี้

แล้วทำไมครานี้จึงต้องละล้าละลัง ไม่แน่ใจ

อาการละล้าละลังอันปรากฏผ่านพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา จึงเป็นอาการที่แปลกใหม่ในทางการเมือง

ทั้งๆ ที่สามารถตัดสินใจได้ในคืนวันที่ 24 มีนาคม

แต่สภาพที่เห็นและเป็นอยู่ก็คือ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าพรรคชาติไทยพัฒนา อยู่ในห้วงแห่งการซื้อเวลา

จากเดือนมีนาคมผ่านเดือนเมษายน กระทั่งเดือนพฤษภาคม

เหมือนกับไม่แน่ใจในอำนาจของ คสช. เหมือนกับไม่มั่นใจในสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐได้มาเหมือนกับไม่แน่ใจว่าการเข้าร่วมกับ คสช. จะเป็นเรื่องดี

นั่นเพราะ 1 เสียงที่พรรคพลังประชารัฐได้มาไม่หนักแน่น มั่นคง

ขณะเดียวกัน นั่นเพราะ 1 มีแนวอีกแนวประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังปวงชนชาวไทย ตั้งเด่นเป็นสง่า

รวมแล้วมี ส.ส.อยู่ในมือ 245 คน

การก่อรูปขึ้นของพันธมิตรแห่งแนวร่วม “ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของ คสช.” จาก 7 พรรคการเมืองเป็นปัจจัยที่มิอาจมองข้ามได้

ทำให้เกิดอาการละล้าละลัง

ทำให้การตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ราบรื่น ไม่มีความองอาจสง่างามอย่างเพียงพอ

นี่คือมิติใหม่อันเกิดขึ้นจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม  

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image