ได้อ่านที่ นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผอ.โรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ “ถึงพรรคประชาธิปัตย์บนทางสองแพร่ง” แล้วรู้สึกสงสารคุณหมอจับใจ
เมื่อ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ได้รับโหวตให้ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คล้ายกับว่าคุณหมอจะมี “ความหวังริบหรี่” ที่จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงในประชาธิปัตย์ พรรคการเมืองที่เป็นขวัญใจของคนภาคใต้มายาวนานหลายทศวรรษ
คุณหมอจึงอารัมภบทให้เห็น “เหตุ” แห่งความตกต่ำของประชาธิปัตย์ในภาคใต้ว่า คนรุ่นใหม่-ไม่เอาประชาธิปัตย์ ส่วนคนรุ่นเก่าก็เลือก “พลังประชารัฐ” เช่นนั้น จากนี้ไป “ประชาธิปัตย์” ควรยืนหยัดบนวิถีการเมืองที่สง่างามด้วยการ “ไม่รับ” อำนาจเผด็จการ คสช. ที่แปลงร่างจาก “คนกลาง” มาเป็น “ผู้เล่น” ภายใต้กติกาอันฉ้อฉล
“จะรอดูครับว่า พรรคประชาธิปัตย์จะคิดสั้นหรือคิดยาว” !
“เสียง” ของคุณหมอมากไปด้วยความปรารถนาดี
แต่ “วิถีทางการเมือง” ของประชาธิปัตย์ที่ผ่านมา ใช่ “ทาง” เช่นที่คุณหมอเห็นหรือไม่
ถึงแม้ที่นั่ง ส.ส.ประชาธิปัตย์ในจังหวัดสงขลาหดจาก 8 เหลือ 3 ตามที่คุณหมอว่า ถึงแม้ที่ “ตรัง” บ้านนายหัวชวน กับ “นครศรีธรรมราช” ไม่เคยถูกตีแตก
แต่คราวนี้ “ยับ” ถูกสอยร่วงระนาว
และแม้ใน กทม.ถึงขั้น “สูญพันธุ์” !
แต่ “ประชาธิปัตย์” ก็คงไม่ยืนฝั่งตรงข้ามกับ “คสช.”
ก่อนนี้ “สี” สัญลักษณ์แห่งการเลือกข้าง ไฟแห่งความเกลียดชังถูกจุดขึ้น และกระพือโหมอย่างตั้งใจ
เคยมีบางคนหลงระเริงว่า กลยุทธ์ “ยืมดาบฆ่าคน” คงกำจัดคู่แข่งขันทางการเมืองสิ้นซากจนไม่เหลือตัวเลือก และ “ประชาธิปัตย์” จะเติบโตขึ้นมาใน “ช่องว่าง” นั้น
ไม่นึกว่า “เจ้าของดาบ” จะแปลงร่าง พร้อมทั้งรุกรานอย่างหนักจน “ประชาธิปัตย์” สูญเสียเก้าอี้ที่ควรจะได้
หนักหน่วงรุนแรงจนก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงภายในพรรค
แต่ที่ผู้คนทั่วไปซึ่งอยู่ “วงนอก” คาดคะเนไปไม่ถึงก็คือ เข้าใจว่า “ความเปลี่ยนแปลง” ภายในพรรคครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนในเชิง “ยุทธศาสตร์”
ในความเป็นจริงเป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงทางยุทธวิธี
เปลี่ยนตัว “หัวหน้าพรรค”
ส่วนแนวคิดกับแนวทางดำเนินทางการเมือง “ประชาธิปัตย์” ยังไม่เปลี่ยน
ไม่รู้เหมือนกันว่า “คิดสั้น” หรือ “คิดยาว”
แต่ “ประชาธิปัตย์” ยังอยู่ ส่วน “คู่ต่อสู้” ที่ขับเคี่ยวกันมา 20 ปี ยุบแล้วยุบอีก !?!!