‘ธนาธร’ โชว์จุดยืน ประชุมสภานัดแรก

หมายเหตุ – นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร อ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีที่ศาล
รัฐธรรมนูญมีมติ 8 ต่อ 1 ให้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ยุติปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.กรณีถือหุ้นสื่อตามมาตรา 101(6) และมาตรา 98(3) ของรัฐธรรมนูญ 2560 ขณะที่นายธนาธรแถลงจุดยืนภายหลังกล่าวคำปฏิญาณตนการปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ก่อนจะออกจากห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 เป็นครั้งแรก โดยมี นายชัย ชิดชอบ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ทำหน้าที่ประธานการประชุมฯชั่วคราว ที่ห้องประชุมใหญ่ทีโอที เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม

สรศักดิ์ เพียรเวช
เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร

ตามที่ที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณา กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) (ผู้ร้อง) ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 ว่าสมาชิกภาพสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) (ผู้ถูกร้อง) สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) ประกอบมาตรา 98(3) หรือไม่ ศาลรัฐธรรมนูญประชุมปรึกษาแล้วเห็นว่า ตามคำร้องของผู้ร้องเห็นว่าผู้ถูกร้องเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด อยู่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งเป็น
ลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(3) และผู้ร้องได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(6) กรณีจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่งและวรรคสี่ ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7(5) จึงมีมติเอกฉันท์มีคำสั่งรับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และแจ้งให้ผู้ร้องทราบ และส่งสำเนาคำร้องให้ผู้ถูกร้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับสำเนาคำร้อง

Advertisement

สำหรับคำขอของผู้ร้องที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง ศาลพิจารณาคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ร้องได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง และปรากฏข้อมูลจากเอกสารประกอบคำร้องว่า ตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา การเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นทุกครั้งจะส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นระบุวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นพร้อมมีหนังสือนำส่งนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครในเวลาใกล้ชิดกัน ซึ่งแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นในคดีนี้ตามเอกสารประกอบคำร้องไม่ปรากฏว่ามีการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นจึงปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า ผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง ประกอบกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ถูกร้องอาจก่อให้เกิดปัญหาข้อกฎหมายและการคัดค้านโต้แย้งเป็นอุปสรรคต่อการดำเนินงานสำคัญของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ จึงมีมติเสียงข้างมากให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย หรือคำสั่ง

จึงเรียนมาเพื่อทราบ ขอแสดงความนับถือ นายนุรักษ์มาประณีต ประธานศาลรัฐธรรมนูญ

Advertisement

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.)

ตามที่เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรอ่านคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยหรือคำสั่งว่า หลังจากเปิดการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ท่านประธานในที่ประชุมได้อ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่วินิจฉัยให้ตนหยุดการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ ส.ส.เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยเป็นอย่างอื่น ซึ่งผมได้กล่าวลาและยุติบทบาทการทำหน้าที่ แต่ขอยืนยันว่าการเป็นตัวแทนของประชาชน ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ในสภาอย่างเดียว ผมจะใช้เวลานี้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนเข้าไปพบปะพูดคุยรับฟังปัญหาของประชาชน เพื่อนำไปให้ ส.ส.ในพรรคของผมตั้งกระทู้อภิปรายในสภา แต่จะใช้เวลานี้ศึกษาปัญหาของประชาชนและขยายแนวคิด อุดมการณ์ แนวนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ให้ประชาชนทั่วประเทศเข้าใจเจตนาที่ดีของพรรคที่มีต่อสังคม จะทำงานต่อไปไม่หยุดยั้ง ไม่ท้อถอย ถึงแม้จะไม่ได้ทำงานในสภาก็จะไม่ไปไหน ทำงานกับประชาชนต่อไป ผมจะรอวันนั้น สักวันหนึ่งผมจะกลับมา

ส่วนความรู้สึกอย่างไรที่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ยืนยันไม่เสียใจ ต้องยอมรับว่า ส.ส.มีเอกสิทธิ์ มีอำนาจในทางนิติบัญญัติ แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อจำกัดในเรื่องพิธีกรรมและเวลา ดังนั้น ในช่วงนี้ที่ผมยังไม่สามารถมีอำนาจนิติบัญญัติได้ เราก็จะรณรงค์กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง ให้เห็นถึงนโยบาย เป้าหมาย และอุดมการณ์ของพรรคอนาคตใหม่ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจเรามากขึ้น เราจะรณรงค์เรื่องสำคัญของประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะความไม่เป็นประชาธิปไตย และความไม่เป็นธรรมของรัฐธรรมนูญ 2560 ผมจะเข้าไปฟังปัญหาประชาชน และพบคนทุกกลุ่ม เอาปัญหาเหล่านั้นมาบอกเพื่อนในสภา เพื่อให้ช่วยแก้ไข ดังนั้น ยังมีเรื่องอีกเยอะให้ทำ ผมย้ำมาหลายครั้งว่าอยากสร้างพรรคการเมืองขึ้นมาให้เป็นพรรคที่เข้มแข็ง และยืนต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและประชาชนได้ในระยะยาว จึงไม่มีความท้อถอย ไม่เสียใจ จะเดินหน้าต่อไป

สำหรับแนวร่วม 7 พรรคการเมืองยังมีความหวังจะได้ชัยชนะในการเลือกประธานสภาอยู่หรือไม่นั้น ผมคิดว่ามีแนวโน้มที่ดี 244 เสียงของ 7 พรรค จะโหวตไปในทิศทางเดียวกัน จึงไม่ง่ายที่จะคว่ำเสียงของทั้ง 7 พรรค ส่วนเรื่องจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนั้น ต้องว่ากันทีละสมรภูมิ วันนี้เอาตำแหน่งประธานสภาก่อน คงต้องแยกส่วนกัน

ส่วนหลังจากนี้จะเคลื่อนไหวในนามพรรคการเมืองหรือภาคประชาชน ผมยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เราเชื่อมั่นว่าการได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่ดีที่สุด สงบสุขที่สุด คือการกระทำผ่านรัฐสภา เราเชื่อมั่นอย่างนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่มาตั้งพรรคการเมือง เราต้องการดึงศรัทธาของประชาชนกลับมาที่รัฐสภาอีกครั้ง เพราะถ้าประชาชนไม่ศรัทธาและมองว่ารัฐสภาแก้ปัญหาไม่ได้เมื่อไหร่ ประชาชนก็จะไปเรียกร้องให้กองทัพเข้ามาแทรกแซง ประชาธิปไตยในประเทศไทย จึงถูกมองว่าเป็นต้นตอของปัญหา ส่วนการรัฐประหารและการแทรกแซงจากกองทัพ เป็นทางออก เราต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะรัฐสภาเป็นที่ที่ทรงเกียรติและเหมาะสมที่สุดที่จะแก้ปัญหา พาประเทศกลับไปสู่ประชาธิปไตย ดังนั้น เราจะต่อสู้ให้สุดทาง และยังไม่หมดหวัง

“นี่เป็นวินาทีที่จะพิสูจน์ว่าอนาคตใหม่ ไม่ใช่แค่ธนาธร ไม่มี
ธนาธรอยู่ในสภา พรรคอนาคตใหม่ก็จะทำงานได้อย่างสร้างสรรค์ และเข้มแข็ง แล้วเราจะพิสูจน์ให้เห็น”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image