เพียงวันแรกของการประชุมสภาผู้แทนราษฎรปัญหาก็แสดงออก มาให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า มูลเชื้ออย่างแท้จริงของปัญหามีรากมาจากแห่งใด
มิได้มาจาก “ฝ่ายค้าน” อันประกอบด้วย 7 พรรคการเมืองที่ ประกาศต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.
หากมาจากภายในพรรคสนับสนุนคสช.เอง
จากการยอมรับของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ แกนนำคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ
1 พรรคมีมติเสนอคนของตัวเองแข่งขัน 1 ได้มีการพูดคุยกับพรรคการเมืองต่างๆและข้อสรุปออกมา หากปล่อยให้มีการโหวตและยังไม่กลับมติเกรงว่าจะนำเรื่องนี้ไปร้องเรียน
นี่เป็นปัญหาพรรคพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาล
พิจารณาจากถ้อยแถลงของ นายวิรัช รัตนเศรษฐ ก็ต้องยอมรับว่า เดิมพรรคพลังประชารัฐมีมติส่ง นายสุชาติ ตันเจริญ ชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร
แต่การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเมื่อพรรคประชาธิปัตย์มีมติส่ง นายชวน หลีกภัย เข้าชิงตำแหน่งเดียวกันนี้
มติของพรรคพลังประชารัฐจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงภายหลังจากมีการเจรจาในคืนวันที่ 24 พฤษภาคมนั้นเอง เป็นมติที่ยอมรับข้อเสนอจากพรรคประชาธิปัตย์
เห็นได้จาก นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ จากพรรคพลังประชารัฐเป็นคนเสนอชื่อ นายชวน หลีกภัย
เห็นได้จากไม่เพียงแต่พรรคชาติไทยพัฒนาประกาศจะร่วมจัดตั้งรัฐบาล หากพรรคภูมิใจไทยก็ประกาศเช่นเดียวกับพรรคชาติไทยพัฒนา
แม้พรรคประชาธิปัตย์จะยังไม่ประกาศแต่ก็เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปเช่นเดียวกับพรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา
สถานการณ์ในวันลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรแม้ว่าฝ่าย ของพรรคพลังประชารัฐจะได้ชัยชนะ แต่ชัยชนะนั้นก็ก้ำกึ่งกันอย่างยิ่ง
จึงคาดหมายได้ว่าปัญหาอย่างเดียวกันนี้น่าจะเกิดขึ้นอีก
ทั้งเกิดจากพรรคร่วมรัฐบาลและที่สำคัญก็คือ เกิดจากเอกภาพภายในของพรรคพลังประชารัฐ อันเนื่องจาก”พลังดูด” จากหลายทิศ หลายทาง
นี่คือสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องประสบ
