“จตุพร” เหน็บ “ดีเอสไอ” ทำคดี “ธัมมชโย” บอกถ้าเทียบคดี กปปส.แล้วเห็นชัดว่านิ่งเฉย
เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวในรายการมองไกลว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอและอัยการพิเศษ กำลังสร้างปัญหาเล็กๆ กรณีพระธัมมชโย เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ไม่รับทราบข้อหารับของโจรและฟอกเงิน ดีเอสไอโหมสร้างข่าวกรณีพระธัมมชโย เหมือนกับจะไปจับคนร้ายฆ่าคนตาย ทั้งที่มีทางออกอื่นให้จัดการ ถ้านำไปเปรียบกับคดี กปปส.แล้วจะเห็นแนวทางชัดขึ้น เพราะอัยการยังค้างคดี กปปส.ที่มีผู้ต้องหากว่า 20 คน ในคดีร้ายแรง 9 คดี และดีเอสไอทำสำนวนสอบสวนให้ฟ้องศาล แต่กลับยังนิ่งเฉยอยู่ไม่ดำเนินการ ส่วนวัดพระธรรมกายมีสานุศิษย์ทั่วประเทศกว่า 6 ล้านคน หากวัดหลอกลวงให้คนบริจาคจนสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว ในหลาย 10 ปีที่ผ่านมาย่อมปิดไม่มิด ถ้าพระธัมมชโยนำเงินทำบุญของประชาชนไปใช้ส่วนตัว คงปิดตาของศิษย์นับล้านคนไม่ได้เช่นกัน ทั้งนี้ ตนเชื่อว่ากรณีพระธัมมชโยจะลุกลามไปถึงสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ หรือสมเด็จช่วง เจ้าอาวาสวัดปากน้ำภาษีเจริญ นอกจากนี้ จะพุ่งไปสู่มหาเถรสมาคม (มส.) จนทำให้พระชั้นสมเด็จต้องได้ผลกระทบกระเทือน
นายจตุพรกล่าวว่า คณะสงฆ์ทั้งฝ่ายธรรมยุตและมหานิกายควรคิดกันใหม่ เพราะการคิดแบบเดิมจะนำไปสู่ปัญหาของพุทธศาสนา วันนี้ถ้าต้องการลุแก่อำนาจ หักด้ามพร้าด้วยเข่า ทั้งที่มีแนวทางอื่นให้ทำได้แต่ไม่ทำ ซึ่ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม แสดงออกให้ดีเอสไอถอยแล้วเพราะหวั่นเกิดเหตุวุ่นวาย แต่กลับมีความพยายามประโคมโหมข่าวเพื่อจะเข้าไปจัดการ ส่วนคดี กปปส. มีอัตราโทษรุนแรงกว่ามาก อัยการและดีเอสไอกลับนิ่งเงียบไม่จัดการ ปัญหาวัดพระธรรมกายไม่มีความสลับซับซ้อน ไม่ได้เกิดการซ่องสุมกำลังประชาชน สานุศิษย์มาปฏิบัติธรรมอย่างสงบ ถ่ายทอดออกทีวีของวัด ตนจึงอยากสื่อสารว่าอย่าทำให้เรื่องนี้กลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวเพราะต้องการเพียงความสะใจ เพื่อจะจัดการดาบเดียวให้สิ้นซาก แต่การพยายามอยากมีเรื่องกับความศรัทธาของคนเป็นล้านนั้นหนักมาก ข้อหาก็ยังไม่ชี้ชัดว่าผิดชัดเจน ยังมีขั้นตอนหลายศาลจะบ่งชี้ได้ ต้องสู้คดีกันอีกนับ 10 ปี ขออย่ายึดหลักกฎหมายจนเสียสติกัน บ้านเมืองจะย่ำแย่