การต่อรองโดยเชื่อมตำแหน่ง “ประธานสภาผู้แทนราษฎร” กับตำแหน่ง “นายกรัฐมนตรี” เข้าด้วยกัน ส่งผลสะเทือนอย่างลึกซึ้งในทางการเมือง
เป็นการเมืองระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคร่วมรัฐบาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
ยิ่งกว่านั้น ยังเป็นการเมือง “ภายใน” พรรคพลังประชารัฐซึ่งยากที่จะปฏิเสธได้
นั่นก็คือ ข่าวที่ปรากฏขึ้นว่ามีความไม่พอใจจาก”กลุ่มสามมิตร” โดยเฉพาะการสูญเสียกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้กับพรรคประชาธิปัตย์
นี่คือความละเอียดอ่อนก่อนการจัดตั้งรัฐบาล
ความจริง การต่อรองอันมาจากพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยมิได้อยู่ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เท่านั้น หากยังอยู่ที่กระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์
เว้นเพียงกระทรวงกลาโหมเท่านั้นที่ 2 พรรคนี้ไม่กล้าแตะด้วยรู้เป็นอย่างดีว่าเป็นไปไม่ได้
มีความเป็นไปได้ที่คสช.และพรรคพลังประชารัฐจะยอมคายแม้กระทั่งกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ก็ไม่ยกเว้น
ต้องยอมรับว่าการเปิดตัว”กลุ่มสามมิตร”เป็นการเปิดตัวโดยมีพื้นฐานอยู่กับงานการเกษตร
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ “โคล้านตัว”
มีความมั่นใจเป็นอย่างสูงว่า โครงการ”โคล้านตัว”ที่เสนอโดย กลุ่มสามมิตรผ่านเป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐนั้นเองที่ทำให้คะแนนนิยมพรรคพลังประชารัฐสูงยิ่ง
เป็นไปได้หรือที่ปล่อยให้กระทรวงนี้เป็นของ”ประชาธิปัตย์”
หากสังเกตจังหวะก้าวของ 3 พรรคที่จะร่วมรัฐบาลแน่ๆ พรรคชาติไทยพัฒนา ไปก่อนแล้ว ตามมาด้วยพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคประชาธิปัตย์ยังมากด้วยกระบวนท่า
เพราะพรรคประชาธิปัตย์ต้องการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ตีคู่มากับกระทรวงพาณิชย์
อันไม่เพียงเป็นเป้าหมายของ”กลุ่มสามมิตร”
หากที่สำคัญยังเสมือนเป็น”กล่องดวงใจ”ของ 4 ยอดกุมารในเครือข่ายจอมยุทธคนสำคัญในทำเนียบรัฐบาลอีกด้วย
