09.00 INDEX กรณีธรรมกาย กรณีพระธัมมชโย ต้อง ‘การเมือง’ นำ ‘การทหาร’

กรณีธรรมกาย กรณีพระธัมมชโย

ต้อง “การเมือง” นำ “การทหาร”

 

และแล้ว “ยุทธการ” ต่อ “วัดธรรมกาย” ของ “ดีเอสไอ” หรือ กรมสอบสวนคดีพิเศษก็เริ่ม “อ่อน”

Advertisement

อ่อนเมื่อเปรียบเทียบกับ “ความเข้ม” ที่ปรากฏในวันที่ 26 พฤษภาคม

อ่อนเมื่อจับ”ท่าที”ของระดับ”บน”

เป็นท่าทีของ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม

Advertisement

มิใช่ท่าทีของ พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง

มิใช่ท่าทีของ พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล

“ผมได้บอกให้ดีเอสไอได้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไป ถ้าต้องเข้าวัดก็ต้องเข้า”

ตรงนี้แหละที่ “สำคัญ”

เท่ากับยืนยันว่า การเปิดยุทธการด้วยท่วงทำนอง “ทหาร” ไม่เวิร์ก จึงต้องใช้ท่วงทำนองทาง”การเมือง”

ยึดหลัก”นิติศาสตร์”แต่อิงกับหลัก”รัฐศาสตร์”

 

ต้องยอมรับว่า “ท่าที” ที่ผ่านมาของ “ดีเอสไอ” เป็นท่าทีซึ่งเรียกได้ว่า

เป็นท่าที”การทหาร”นำ”การเมือง”

ถึงขั้นจะใช้ “รถหุ้มเกราะ” พร้อมกำลังทหาร อาวุธครบมือ นำเข้าไป “จับกุม”

ได้ยินแล้ว “น่ากลัว”

เป็นความน่ากลัวขณะที่ทางด้านของ พระธัมมชโย มีแต่ภาพ นอนแบ็บ

แวดล้อมด้วย”แพทย์”และ”พยาบาล”

กังวานเสียงนะจ๊ะ นะจ๋า อันดังมาจากวัดพระธรรมกาย คลองหลวง ไม่มีอะไรซับซ้อน

“พร้อมพบดีเอสไอ”

“ไม่เคยคิดจะหลบหนีไปที่ไหน พร้อมยอมตายอยู่กับวัด อยู่กับเมืองไทย”

ภาพจึงตัดกันอย่างยิ่ง

ภาพของ “ดีเอสไอ” ขึงขัง เข้มข้น น่ากลัว ภาพของ”พระ”น่าเห็นใจ ไม่มีเรี่ยว ไม่มีแรง

เป็นภาพ”ยอมจำนน” มากกว่า”แข็งขืน”

 

เช่นนี้เองทั้ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ทั้งบรรดามือปราบจากดีเอสไอจึงเริ่มคิดได้

คิดได้ว่า “แข็ง” นักมัก “ไม่ดี”

จึงต้องหันหน้าเข้าหา “สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ” จึงต้องหันหน้าเข้าหา “มหาเถรสมาคม”

หันหน้าเข้าหา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ อาศัยมืออัน”อ่อนนุ่ม”ของ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์มาแทนที่

เท่ากับ “คิดได้” เมื่อยัง “ไม่สาย”

เท่ากับคำนึงถึง”รัฐศาสตร์”ประสาน”นิติศาสตร์”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image