ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 29 พ.ค.เพจไอลอว์ ได้ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับการคำนวณส.ส. โดยระบุว่า จำนวนที่นั่ง ส.ส. จะเป็นอย่างไรหาก กกต. ใช้สูตรคำนวณที่นั่ง ส.ส. แบบ”ไม่จัดสรรที่นั่งให้พรรคที่ได้ส.ส. พึงมีต่ำกว่าหนึ่ง”โดยมีรายละเอียด คือ
เรียกว่า ‘งง’ กันไปเป็นแถบๆ หลัง กกต. ประกาศผลการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่นอกจาก ส.ส. พรรคอนาคตใหม่จะชนะด้วยคะแนนเสียงกว่า 75,000 คะแนน ทำให้พรรคอนาคตใหม่ได้เพิ่มมากอีก 1 ที่นั่งแล้ว ยังปรากฎว่า ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์)ของพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐ กลับได้เพิ่มด้วย
.
เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เนื่องจาก ‘สูตรคำนวนที่นั่งของ กกต.’ ซึ่งมาจากระบบการเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ออกแบบโดย มีชัย ฤชุพันธ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ โดยระบบดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะทำให้พรรคที่ได้ ส.ส. เขตเยอะ ได้ที่นั่งแบบปาร์ตี้ลิสต์น้อย และทำให้พรรคการเมืองที่แพ้ ส.ส. เขต ได้ ส.ส. บัญชีรายชื่อมากกว่า
.
อ่านบทวิเคราะห์ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสมได้ที่ https://ilaw.or.th/node/5229
.
อย่างไรก็ดี ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่ กกต. จะเลือกใช้สูตรคำนวณแบบที่ใช้อยู่นี้ ก็เคยมีคนออกมาแย้งว่า สูตรที่ กกต. ใช้นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ เพราะไปจัดสรรที่นั่ง ส.ส. ให้กับพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่ง ส.ส. พึงมีต่ำกว่าหนึ่งที่นั่ง ซึ่งไม่ควรได้รับการจัดสรร
.
แต่เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญไม่ยอมวินิจฉัยว่า สูตรดังกล่าวของ กกต. ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ทำให้วิธีการคำนวณที่นั่งของ กกต. ไปลดทอนที่นั่งของบางพรรคให้ต่ำกว่า ส.ส. ที่พึงจะมี และไปเพิ่มที่นั่งให้ ส.ส. บางพรรคเกินกว่าที่พรรคเหล่านั้นพึงมี
.
โดย สูตรคำนวณของ กกต. ทำให้ พรรคพลังประชารัฐมี ส.ส. หายไป 1 ที่นั่ง พรรคอนาคตใหม่มี ส.ส. หายไป 7 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคเสรีรวมไทย พรรคชาติไทยพัฒนา มี ส.ส. หายไปพรรคละ 1 ที่นั่ง และแน่นอนว่า ที่นั่งที่เพิ่มขึ้นและหายไปย่อมส่งผลต่อการ #จัดตั้งรัฐบาล
.
ดูวิธีการคำนวณที่นั่ง ส.ส. แบบไม่จัดสรรให้พรรคที่ได้ ส.ส.พึงมีต่ำกว่าหนึ่ง ได้ที่ https://ilaw.or.th/node/5240
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเพจไอลอว์
