09.00 INDEX สัจจะ สมศักดิ์ เทพสุทิน สัจจะ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
พลันที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยืนยันเหตุผลในความชอบธรรมที่จะดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เนื่องจาก “สัจจะวาจา” ที่ให้ไว้กับประชาชนในระหว่างหาเสียง
เหตุผลนี้ไม่เพียงแต่เป็นคำเตือนไปยังกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
หากยังสะเทือนไปยังพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
ทำให้การตัดสินใจจะเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐเพื่อชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเพิ่มความสลับซับ ซ้อนเป็นอย่างสูงไปด้วย
เพราะพรรคประชาธิปัตยก็ดี พรรคภูมิใจไทยก็ดี ล้วนมีพันธะอันเกี่ยวเนื่องกับ “สัจจะวาจา”ที่ให้ไว้กับประชาชนไม่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะในเรื่องศักดิ์ศรีของ 500 ส.ส.ที่เหนือกว่า250 ส.ว.
ความสลับซับซ้อนอยู่ที่ว่าคำประกาศของพรรคภูมิใจไทยสัมพันธ์กับการตัดสินใจและ “สัจจะวาจา” ของพรรคประชาธิปัตย์ที่เปล่งก่อนการเลือกตั้งอย่างลึกซึ้ง
นั่นก็คือ ความชัดเจนอันมาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เป็นความชัดเจนที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เปล่งออกมาและเผยแพร่อย่างกว้างขวางว่า ไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ตรงนี้คือฐานที่มาแห่ง 3.9 ล้านคะแนน
แม้ว่า ณ วันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แล้ว แต่คำถามก็คือ นายชวน หลีกภัย นาย บัญญัติ บรรทัดฐาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ จะรับผิดชอบหรือไม่ อย่างไร
ลักษณะยืดเยื้อของการจัดตั้งรัฐบาลจึงมิได้มาจากการต่อรองตำแหน่งทางการเมืองอย่างเดียว หากแต่ยังมาจาก “สัจจะ วาจา” อันพรรคประชาธิปัตย์ประกาศในระหว่างหาเสียงด้วย
จึงต้องต่อรองแม้กระทั่งในเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ
ขณะเดียวกัน หากพรรคประชาธิปัตย์ไม่ร่วมก็จะเข้าทางรัฐบาลเสียงข้างน้อยที่พรรคภูมิใจไทยปฏิเสธโดยอัตโนมัติ
ในที่สุด เมื่อ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ยืนยันว่าพรรคพลังประชารัฐ ต้องทำตาม “สัจจะวาจา” ที่ให้ไว้กับประชาชน พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยก็มี “สัจจะวาจา” ที่ให้ไว้กับประชาชน
คำถามอยู่ที่ว่าระหว่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย
พรรคใดจะยึดมั่นใน “สัจจะวาจา” มากกว่ากัน