วงเสวนา ห่วงกงล้อปวศ.ไทย กำลังหมุนกลับ หลังคสช.ไม่ยอมลงจากอำนาจ ปท.ยิ่งถดถอย

เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ ถนนราชดำเนิน กรุงเทพ มีการจัดเวทีโต๊ะกลมหัวข้อ ‘ข้อเสนอประชาชนต่อการเลือกนายกรัฐมนตรี : ร่วมกำหนดวาระการเมืองที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง’ โดย คณะกรรมการญาติพฤษภา 35 และเครือข่ายประชาสังคม 4 มิถุนายน 2562

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติพฤษภา 35 กล่าวเปิดงานมีเนื้อหาโดยสรุปว่า ญาติพฤษภาคือกลุ่มที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์พฤษภา ปี 2535 ตนเกี่ยวข้องเพราะเสียลูกชายไปคนหนึ่ง ครอบครัวตนไม่เกี่ยวการเมือง เพราะเป็นคนไทยเชื้อสายจีนที่ทำธุรกิจ แต่กลับเกิดอุบัติเหตุในชีวิตจนเสียคนในครอบครัว ผ่านมา 27 ปี แล้วที่ตนพยายามที่จะเรียกร้องความเป็นธรรม โดยมีการแสดงความเห็นต่อรัฐบาลมาตลอด ซึ่งเห็นได้ชัดว่า 27 ปีที่ผ่านมาคือ 1. รัฐบาลยอมรับถึงเหตุการณ์นี้ 2. กองทัพบกโดยกลาโหมยอมขอโทษญาติผู้เสียชีวิต อย่างไรก็ตาม เมื่อเหตุการณ์ผ่านมานานแล้ว มองว่าขณะนี้ถึงเวลาต้องเปิดเผยวข้อมูลเกี่ยวกับผู้สูญหาย ในอดีตเคยได้รับการขอร้องจากกองทัพว่าอย่าพูดอะไรหรือทวงอะไรในช่วงก่อน 20 ปี ตอนนี้ 27 ปีแล้วได้เวลาที่ต้องเปิดเผยว่าคนหายไปไหน ศพอยู่ที่ไหน ทั้งนี้ส่วนตัว ประกาศมาตลอดว่าไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจ ขอขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมเวทีในวันนี้

จากนั้น เป็นการเสวนาในเวทีโต๊ะกลม โดยนางสาวพรรณิการ์ วานิช ส.ส. บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า การอภิอปรายคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีซึ่งเริ่มพรุ่งนี้ แต่ไม่รู้จบเมื่อไหร่ คงเป็นการอภิปรายที่ยาวนาน ส่วนตัวไม่ได้กังวลการอภิปรายแต่ไม่ว่าจะอภิปรายยังไง ผลสุดท้ายเหมือนหวยล็อค เพราะคณิตศาสตร์การเมืองบิดเบี้ยวมาแต่ต้น ตั้งแต่เลขตุน 250 ส.ว. การแต่งตั้งโดยกลวิธีซับซ้อน พูดง่ายๆ คือ คสช. เป็นคนจิ้ม ความกังวลคือห่วงเกิดการเมืองบนท้องถนน ซึ่งแม้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประชาธิปไตย แต่ประวัติศาสตร์การเมืองที่ผ่านมาทำให้เห็นว่า สุดท้ายการต่อสู้ในลักษณะดังกล่าว ไม่ได้นำมาซึ่งอะไร เว้นแต่ประชาชนตายฟรี

“อนาคตใหม่ก้าวเข้ามาทำงานในช่วงที่การเมืองอันตรายและมืดใน แต่มีความหวังจะให้คนไทยกลับมาเชื่อว่ารัฐสภาแก้ปัญหาได้ การเมืองจะปรองดองได้ผ่านรัฐสภา ปัญหาคือ เรากำลังเห็นว่าประเทศไทยถูกทำให้เดินถอยหลังสู่ภาวะที่ประชาชนเห็นว่า รัฐสภาแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะมีความพยายามใช้รัฐสภาในการสืบทอดอำนาจเผด็จการ สิ่งที่กังวลคือกงล้อประวัติศาสตร์กำลังหมุนกลับ” พรรณิการ์กล่าว

Advertisement

นายพนัส ทัศนียานนท์ อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์กล่าวว่า ในฐานะเคยเป็นอาจารย์สอนกฎหมาย ในเวลานี้ มองว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในการโหวตเลือกนายกโดยเฉพาะฝ่ายเนติบริกรมีส่วนในการออกแบบเขียนรัฐธรรมนูญซึ่งเชื่อว่าตัวหนังสือทุกตัวเขาบรรจง สอดแทรด สอดใส่อย่างดี มีค่ายกลต่างๆ มากมาย ตอนนี้เผยสิ่งที่หมกเม็ดออกมาทีละตัว

“ในหลักกฎหมาย รัฐธรรมนูญของไทยที่ใช้ในขณะนี้คิดว่าไม่มีหลักอะไรแล้ว สิ่งที่เขาอ้าง อาจเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น เพราะเขามีหลักประกัน ถ้ามีปัญหา ก็ต้องไปองค์กรอิสระซึ่งก็สั่งได้ กลายเป็นองค์กรที่จะรับรองความชอบธรรม ถ้าเราเอาบรรทัดฐานของหลักประชาธิปไตยสากลมาเทียบ สามารถพูดได้ว่าของเราไม่มีหลักอะไรทั้งสิ้น อาจเรียกได้ว่า เป็นหลักอำนาจล้วนๆ โดยแท้ ถ้าใครมีอำนาจบอกว่าสิ่งนี้ใช่ ทำได้ หรือไม่ได้ ก็จบ แค่นั้นเอง” นายพนัสกล่าว

Advertisement

ด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า เวลาตนมองอะไรจะมองว่าอดีตเป็นบทเรียน อดีตที่เป็นบาดแผลไม่ควรเกิดขึ้นอีก อดีตที่เป็นบาดแผลกับคนอื่นก็ไม่ควรมาเกิดกับเรา ถามว่าปัจจุบันคืออะไร ปัจจุบันคือความรับผิดชอบ ส่วนอนาคตคือผลจากการรับผิดชอบ สิ่งที่คาดหวังคือ ต้องการความเสมอภาคในการใช้กฎหมาย รวมถึงความเป็นธรรมทางกฎหมาย แต่ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า เราทำไม่ได้ วันนี้เราต้องเรียกร้องหลักนิติธรรมซึ่งคนทุกคนอยู่ใต้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกัน และ 7 พรรคการเมืองต้องมั่นคง เราต้องอยู่กับประชาชน ส่วนประเด็นเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าอ่านกฎหมายเป็น ส.ว. ไม่มีสิทธิเลือกนายกฯ เพราะมีผลประโยชน์ขัดกันในรัฐธรรมนูญและจริยธรรม ซึ่ง ส.ว. จะโหวตใครก็ได้ ยกเว้นคนที่ตั้ง ส.ว.ขึ้นมา ทั้งนี้ ขอย้ำว่า ส.ส. และ ส.ว. เป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย ไม่ใช่ตัวแทนใคร หลายปีที่ผ่านมา เราเรียกร้องรัฐธรรมนูญ วันนี้ต้องเรียกร้องหลักนิติธรรม ใครทรยศ ประชาชน จะมีที่ยืนแค่ในสภา แต่พอออกมาประชาชนไม่ยอมรับ

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตอนนี้โลกเปลี่ยนเร็ว ต่อให้มีผู้นำเก่งสุดๆ ยังสู้คนอื่นยาก ควรต้องเปลี่ยนความคิดประเทศจะเดินหน้าได้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่เหมาะเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่แรก ด้วยวิธีคิด กรอบความคิด และไม่สามารถเป็นนายกฯ ต่อได้ เช่น บอกให้ไทยผลิตยาสีฟัน ขัน รองเท้าแตะ ส่งขายทั่วโลกเพราะทหารใช้ บอกให้เกษตรกรปลูกหมามุ่ย เวลาน้ำท่วมบอกให้เลี้ยงปลา ให้อ่านจินดามณี วันนี้ตนไม่ได้มาด่านายกฯ แต่ต้องยอมรับว่ากรอบคิดของพลเอกประยุทธ์ คิดได้แค่นี้ ที่ผ่านมาประชาชนตกในความลำบาก แต่รัฐบาลเพิ่งมาช่วย เหมือนที่ผ่านมาพาคนไปอยู่ทะเลทราย พอใกล้เลือกตั้งค่อยเอาน้ำมาหยอด ให้คนอยากอยู่ทะเลทราย แต่คนคิดได้ว่า คุณพาคนมาอยู่ทะเลทรายแต่แรก

“ประชาชนปฏิเสธคุณ แต่คุณยังดื้อรั้น พยานามใช้อำนาจ 5 ปีมานี้ หนักหนามากสำหรับประเทศ เราตกต่ำมาโดยตลอด พูดอะไรเขาไม่เถียง แต่จับอย่างเดียว ถามกว่ากลัวหรือไม่ ผมก็กลัว แต่ก็ต้องพูด 5 ปีมานี้ไม่ว่าเศรษฐกิจโลกดีหรือไม่ดี ไทยก็แย่ ปีนี้จะเจ๊งแหลกลาญ ยิ่งพลเอกประยุทธ์สืบทอดอำนาจต่อ โอกาสที่ไทยจะโตเท่าเพื่อนบ้านนั้นไม่มีทาง การลงทุนหดหายมาตลอด 5 ปี พ่อค้าไทยก็เอาใจผู้มีอำนาจโดยไม่ได้สนใจว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร เอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นหลัก 5 ปีมาแล้วยังแย่ คิดว่าถ้าพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ อีก ประเทศจะฟื้นไหม

ผมอยากเห็นคนรุ่นใหม่ที่มีแนวคิดที่เปลี่ยนแปลงประเทศได้ ไม่ใช่มีแต่ไดโนเสาร์ ประเทศในอาเซียนมีบริษัทเทคโนโลยีจดทะเบียนเป็นแสนๆล้าน แต่ไทยมี พ.ร.บ. คอมฯ พ.ร.บ. ไซเบอร์ ทำให้คนคิดทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายเราจะเป็นพม่าภาค 2 แล้วจะมาเสียใจกันทีหลัง เวลาผ่านไป 30-40 ปี จะตอบลูกหลานอย่างไร ขอเตือนว่า เศรษฐกิจเราโตแค่ 2-3 เปอร์เซ็นต์ ต่อไปเพื่อนบ้านโตแซง ยังจะคิดว่าเรามีเอกราช แล้วเดินต่อไป อยากเรียกร้องว่าประเทศนี้ถึงเวลาเปลี่ยน ไม่งั้นเราจะล้าหลัง ตกยุค อยากเห็นสิ่งใหม่ๆที่จะมาปรับปรุงประเทศ” นายพิชัยกล่าว

นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สิ่งที่ ส.ส. และส.ว. ควรพิจารณาก่อนอื่นในวันพรุ่งนี้คือคุณสมบัติของคนที่เป็นแคนดิเดตนายกฯ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พลเอกประยุทธ์ เพราะบริหารประเทศมา 5 ปี เกิดเครื่องหมายคำถามหลายจุด ปัญหาคือกระบวนการพิจารณาคุณสมบัติ ซึ่งพลเอกประยุทธ์ในฐานะหัวหน้า คสช. ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งนี้ตนขอยกตัวอย่างรัฐบาลในอดีตซึ่งมีการทุจริตเชิงนโยบาย อย่างกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีการออกกฎหมายเพื่อเอื้อประโยชน์แก่ธุรกิจตัวเอง แต่ก็ยังเป็นเป้าแคบๆ คือธุรกิจครอบครัว อย่างไรก็ตาม เมื่อรัฐบาลคือ คสช. จะเป็นการยกระดับ กล่าวคือ คสช. ไม่เคยเป็นนักธุรกิจ เลยใช้วิธีเปิดให้เช่าประเทศ ใครจะใช้สมบัติชาติไปทำธุรกิจก็เชิญมาเสนอ แล้วมีการตอบสนอง ถ้าเป็นเช่นนี้ จะเป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่ไม่มีวันสิ้นสุด ขอฝากส.ส และส.ว. ช่วยดูประเด็นนี้ด้วย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า วันนี้ตนพยายามร้อยเรียงคำพูดมาให้ดี เพื่อไม่ให้โดนจับเข้าคุกรอบที่ 5 นี่เป็นเวลา 27 ปีนับแต่เหตุการณ์เดือนพฤษภาคม 2535 แต่มาโรงแรมรัตนโกสินทร์หลายครั้ง แต่ขนลุกเป็นครั้งแรกในรอบ 27 ปี เพราะชวนให้นึกถึงบรรยากาศใน ปี 34-35 เพราะมีบรรยากาศใกล้เคียงกัน ส่วนตัวมองว่า ในวันพรุ่งนี้ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะไม่ว่าจะนั่ง นอน หรือตีลังกาโหวต พลเอกประยุทธ์ก็ได้เป็นนายกฯ เพราะรัฐธรรมนูญออกแบบมาแล้ว อย่างไรก็ตาม มองว่า ถึงบิ๊กตู่จะเป็นนายกฯ ได้ แต่เชื่อว่าอยู่ไม่ได้ ตนหวังว่าจะอยู่ได้นานกว่าพลเอกสุจินดา คราประยูร ซึ่งอยู่ได้ 47 วัน สภาในวันที่ ไม่มี ม.44 บิ๊กตู่จะเท่ากับ ส.ส.คนอื่น ลุกขึ้น ก็ถูกลุกสวน ไม่มีอะไรต่าง ในช่วง 5 ปีที่ไม่มีการตรวจสอบจากการบริหารรัฐบาลของบิ๊กตู่ ก็จะถูกตรวจสอบต่อไปพลเอกประยุทธ์ต้องทนต่อความยากลำบาก ในวันนี้ พรรคการเมืองต้องรักษาจุดยืน

“กรณีเสียงปริ่มน้ำต้องซื้องูเห่า นี่จะเป็นครั้งแรกที่เลือกตั้งแล้วเห่าทันที แต่พวกนี้จะไม่มีถนนเดิน กลับบ้านลำบาก แต่สิ่งที่ใครไม่คาดคิดคือปี 35 เศรษฐกิจเราไม่พัง มีคนบริจาคตังค์ให้ผมทีละเข่งใหญ่ๆ จนต้องบอกว่า พอแล้ว แต่เศรษฐกิจตอนนี้ อย่าว่าแต่เข่งใหญ่เลย แค่เข้งปลาทูยังลำบาก คนหวังว่าเลือกตั้งแล้วจะได้คนที่เป็นมืออาชีพ แต่คิดผิด เพราะรัฐธรรมนูญล็อคซ้ายขวา มีการออกแบบให้แก้ไขไมได้ แม้เขียนว่าแก้ได้ ไทยกำลังจะได้บทเรียนสำคัญ อย่างไรก็ตาม หวังว่าขอให้จบที่สภา อย่าให้ถึงมือประชาชน ในวันพรุ่งนี้ พรรคการเมืองแต่ละพรรค ขอให้จำคำพูดตัวเอง แค่นี้ก็จบ อย่าไปแสวงหาลาภที่ไม่ควรได้ พลเอกสุจินดา โกหกครั้งเดียว คนไทยไม่ให้อภัยอีกเลย วันนี้ถ้าพรรคการเมืองตระบัดสัตย์ ประชาชนจะอยู่อย่างไร อย่าเอาความอยากของตัวเองมาอ้างว่าต้องการให้ประเทศเดินหน้า นักการเมืองสามารถหยุดการสืบทอดอำนาจได้ ถ้าไม่ทรยศประชาชน หากเคยเป็นพรรคเทพ ถ้าทรยศประชาชนจะกลายเป็นมารไปจนนิจนิรันดร์” นายจตุพรกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image