เมื่อถูกถาม “จะไปโชว์วิสัยทัศน์” ในสภาก่อนที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็สวนทันควันด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวราวกับตวาดว่า “ไม่”
“ผมแสดงวิสัยทัศน์มา 5 ปีแล้วยังไม่พอหรืออย่างไร”
เพียงสิ้นประโยคนี้เท่านั้น ในโลกสื่อสารด้วยปลายนิ้วก็ร้อนแรงราวไฟลุก
ทั้งหมดนี้เป็นเสียงในทวิตเตอร์ที่อยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง
เริ่มจาก ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์ ว่า
“เดินหน้าเป็นผู้นำที่ไม่ขึ้นดีเบต และไม่ให้ใครตรวจสอบความเห็น แม้กระทั่งสภาผู้แทน”
บางท่านว่า 5 ปีที่ผ่านมาได้ยินแต่เสียงบ่นก่นด่านักข่าว นั่นไม่เรียกแสดงวิสัยทัศน์ และคุณก็ไม่ได้ทำงานให้ฟรีๆ จึงอย่าได้ทำราวกับสังคมนี้เป็นหนี้บุญคุณ
“น่าขยะแขยงจริงๆ” !
“เราจะปล่อยคนแบบนี้มาเป็นผู้นำประเทศอีกนานเท่าไหร่”
บ้างก็ว่า 5 ปีที่ผ่านมา ไปขายยางดาวอังคารปลูกหมามุ่ย ปลูกมะนาวแทนข้าว น้ำท่วมให้เลี้ยงปลา นั่นหาได้เรียกว่าวิสัยทัศน์ไม่
จะว่าไปแล้ว วันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ก็ชี้แนะแนวทางประพฤติที่สง่างามเอาไว้ให้แล้ว
หนึ่ง ใครก็ตามที่จะเป็น “นายกรัฐมนตรี” ของประเทศก็ควรจะให้เกียรติสภา มาปรากฏตัวแสดงความคิดความเห็นที่จะนำพาประเทศไปสู่ความรุ่งเรืองเจริญมั่งคั่งให้ปรากฏ กับ
สอง กรณี “ประยุทธ์” นั้น ถ้า ส.ว.จะยกมือโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรี น่าสงสัยว่าจะ “ผิดรัฐธรรมนูญ” เพราะประยุทธ์เป็นคนแต่งตั้ง ส.ว. แล้ว “ส.ว.” ก็มาเลือก “ประยุทธ์” เพื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี
ย่อมเป็นเรื่อง “ต่างตอบแทน”
“ไม่โกง” เริ่มต้นได้ทันทีที่ “ตัวเรา”
ไม่ใช่เอาแต่เรียกร้องจาก “ผู้อื่น” !
รัฐธรรมนูญมาตรา 114 วางหลักการเอาไว้ไม่ให้ “ส.ส.” หรือ “ส.ว.” มีผลประโยชน์ขัดกัน ถ้าจะดันทุรังเอาให้ได้ (ตามแผน) ก็จะไม่ต่างอะไรกับการโกงกันดื้อๆ
เสวยสุขจากปลายกระบอกปืนมา 5 ปี น่าจะพอ ควรจะจบ
แต่ยังไม่หยุด !
“ผู้อื่น” พลาดนิดผิดหน่อยพวกคุณระดมบริวารเข้ารุมกระหน่ำเล่นงานทางการเมืองกันปางตาย
ถึงแม้จะมี “การเลือกตั้ง” แต่ถ้าการเข้าสู่ “อำนาจ” ของฝ่ายบริหารไม่ได้เป็นโดยสุจริตตรงไปตรงมาก็ไม่เรียกว่าประชาธิปไตย
“ธรรมาภิบาล” ไม่สามารถสร้างขึ้นได้ด้วยน้ำลาย !?!!