“เสี่ยหนู”ไม่ติดใจ “เสี่ยโต้ง” โหวตนายกฯสวนมติพรรค บอกดีแล้ว เป็นตัวของตัวเอง

“เสี่ยหนู” ไม่ติดใจ “เสี่ยโต้ง” โหวตนายกฯสวนมติพรรค บอกดีแล้ว ส.ส.เป็นตัวของตัวเอง ยันไม่มีปัญหาร่วมรัฐบาล

เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 6 มิถุนายน ที่หอประชุมใหญ่ทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย โหวตสวนมติพรรค งดออกเสียงไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในการเลือกนายกรัฐมนตรี วานนี้ (5 มิ.ย.)ว่า เป็นการพิสูจน์ให้เห็นว่าพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ควบคุมหรือบีบบังคับการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส.ทุกอย่าง เราทำได้เพียงการขอความร่วมมือ ส่วนการตัดสินใจเป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.แต่ละคน ซึ่งเราต้องเคารพ บางคนบอกให้หัวหน้าพรรคไปขับออกจากพรรค ตนยืนยันว่าทำไม่ได้ เพราะเป็นการใช้เอกสิทธิ์ส่วนตัวที่ทำได้อย่างถูกต้อง

เมื่อถามว่า จะมีบทลงโทษนายสิริพงศ์ หรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า คงไม่มี ถือว่าดีที่เรามีส.ส.ที่เป็นตัวของตัวเอง เบื้องต้น ได้พูดคุยกับนายสิริพงศ์ แล้ว ซึ่งเขาได้ขอโทษแล้ว ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการให้กำลังใจซึ่งกันและกัน

“ที่ควรตำหนิ คือนายสิริพงศ์ควรจะบอกก่อน เพราะตอนประชุมพรรคก็ได้แจ้งแล้วว่าใครมีอะไรก็สามารถชี้แจงกันได้ เพื่อจะได้ทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน และนายสิริพงศ์ก็ยังบอกว่าสบายไม่มีปัญหา แต่ผมก็ประมาทไปหน่อย ไม่ได้ไประแวงสงสัยอะไร แต่ก็ไม่เป็นไรแค่คนเดียว” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะเป็นปัญหากับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดว่าไม่มีปัญหา เพราะถือเป็นเรื่องเล็ก และไม่กระทบกับพรรคภูมิใจไทยในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า พรรคพลังประชารัฐจะล้มดีลในการจัดสรรตำแหน่งต่างๆทั้งหมด รวมถึงกระทรวงคมนาคมที่พรรคภูมิใจไทยต้องการเข้าไปทำงานด้วย นายอนุทิน หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ดีจะได้ขอเพิ่ม แต่วันนี้ยังไม่มีใครที่จะพูดเป็นอย่างอื่น เพราะเราได้พูดไปแล้ว ว่าต้องการเข้าไปทำงานเพื่อเดินหน้าในนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน เราจะพยายามเข้าไปทำงานในด้านที่เรามีฝีมือ ทั้งนี้ จากวันที่ตกลงกันกับพรรคพลังประชารัฐจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด

เมื่อถามว่า โหวตนายกฯเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรัฐมนตรี ของพรรคภูมิใจไทย โดยจำยอมจะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า จะยอมถ้าทำให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้ แต่การเปลี่ยนแปลงก็เปลี่ยนได้ทั้งสองฝั่ง เพราะทุกอย่างมีสองด้าน เชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐ จะไม่เอากรณีของนายสิริพงศ์ มาเป็นข้อต่อรอง และเชื่อว่าเรื่องนี้ก็ไม่ใช่การต่อรอง เราต้องการทำให้บ้านเมืองเดินหน้า โดยทำให้ทุกอย่างเรียบร้อย ใครทำไม่ดีก็ไปว่ากันในสภา เช่นเดียวกับใครขี้โกงก็ลากไส้กันในสภาเพราะเวทีเปิดแล้ว

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image