09.00 INDEX บทสรุป นพ.ประเวศ วะสี กับ กรณี วัดพระธรรมกาย

 

กรณีของ “วัดพระธรรมกาย” ก็เหมือนกับกรณีของ “สปสช.”และกรณีของ “สสส.” นั่นแหละ

หากสรุปตามสำนวนของ นพ.ประเวศ วะสี ก็ต้องว่า สะท้อนความผิดพลาดอย่างมีนัยสำคัญในทางการเมือง

นั่นก็คือ ความผิดพลาดในทาง”ยุทธศาสตร์”

Advertisement

“ไม่มีความเข้าใจการทำงาน สปสช.และสสส. แต่กลับไปฟังเสียงของบุคคลบางคนเพื่อทำลายองค์กรเหล่านี้ เมื่อพิสูจน์แล้วว่า ข้อกล่าวไม่เป็นความจริง

“ตรงนี้ก็ทำให้เสียแนวร่วมไป”

สปสช.และสสส.อาจเป็น “แนวร่วม”ซึ่งอยู่ในกระบวนการสาธารณสุข

Advertisement

แต่ก็สัมพันธ์กับ “ประชาชน” ในวงกว้าง

เช่นเดียวกับ กรณีของ”วัดพระธรรมกาย”ก็มากด้วย “แนวร่วม”มหาศาล

ทั้งที่เป็น “พระ” ทั้งที่เป็น”พุทธศาสนิก”

 

เพียงมองเห็น “บุคคล” ที่เคลื่อนไหวอยู่โดยรอบ “ดีเอสไอ”ในกรณีของ “วัดพระธรรมกาย”ก็ประจักษ์

ประจักษ์ในกรณี พระสุวิทย์ ธีรธัมโม หรือ”พุทธอิสระ”

ประจักษ์ในกรณี นายไพบูลย์ นิติตะวัน

และประจักษ์ในกรณีของ นายมโน เลาหวณิช หรือ เมตตานันโทภิกขุ ในกาลอดีต

นี่คือ “พัฒนาการ”อย่างสำคัญ

เป็นพัฒนาการจาก 1 พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ 1 กปปส.

ก่อนรัฐประหาร 2549 ก่อนรัฐประหาร 2557

ยิ่งมีการโยงไปยัง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปัญ โญ) ก็ยิ่งหวาดเสียว

หวาดเสียวในกระบวนการทาง “ความคิด”

 

ผู้คนจึงเริ่มมีคำตอบว่าเหตุใดกระบวนการสถาปนา สมเด็จพระสังฆราช องค์ใหม่ จึงไม่ราบรื่น

แม้จะมีมติของ “มหาเถรสมาคม”ตั้งแต่เดือนมกราคม

เป็นมติยืนตามพรบ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2535

สะท้อนความคิด ความเชื่อในลักษณะ”พันกัน”

พันกันระหว่าง สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปัญโญ) กับ พระเทพมหาญาณมุนี(ธัมมชโย)

ระหว่าง “วัดปากน้ำ” กับ”วัดพระธรรมกาย”

จึงทำให้กรณีอันเกี่ยวกับ “รถโบราณ” และกรณีอันเกี่ยวกับ “คดีฟอกเงิน”และ”รับของโจร”

กลายเป็นเรื่องในทาง “การเมือง”

ที่ควรจะแก้ไขอย่างง่ายๆไม่สลับซับซ้อน ก็กลายเป็นเรื่องยุ่งยากมากด้วยเงื่อนปม

“ดีเอสไอ”จึงตกที่นั่ง”ลิงแก้แห”

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image