หากในที่สุดตำแหน่งของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ หรือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ไม่ใช่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ชะตากรรมของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็จะเป็นเช่นเดียวกับ ของ นายเสนาะ เทียนทอง เมื่อเดือนกรกฎาคม 2538
เพราะในฐานะเลขาธิการพรรคชาติไทย นายเสนาะ เทียนทอง มาดหมายตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ที่ได้มาภายหลังได้ชัยชนะจากการเลือกตั้ง
คือ ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
หากพลาดหวังจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ไม่มีใครรู้ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะคิดอย่างไร
ปริศนานี้ทรงความหมายยิ่งในทางการเมือง
แม้ในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเลขาธิการเหมือนกับกรณีของ นายเสนาะ เทียนทอง ที่พรรคชาติไทยเมื่อเดือนกรกฎาคม 2538
แต่อย่าลืมอย่างเด็ดขาดต่อบทบาทของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในตอนขับเคลื่อน “กลุ่มสามมิตร”
และอย่าลืมอย่างเด็ดขาดว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน คือประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคพลังประชารัฐ
เป็นตำแหน่งเดียวกันกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่พรรคเพื่อไทย
เป็นตำแหน่งเดียวกันกับ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่พรรคไทยรักษาชาติ
ยิ่งกว่านั้น จุดที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ชูตั้งแต่ยังเป็นผู้นำของ “กลุ่มสามมิตร” กระทั่งผนวกตัวรวมเข้าเป็นแกนนำของพรรค พลังประชารัฐคือ นโยบายเพื่อช่วยเหลือ”เกษตรกร”
เมื่อพรรคพลังประชารัฐจำเป็นต้องมอบกระทรวงเกษตรและสห กรณ์ให้อยู่ในความรับผิดชอบของพรรคประชาธิปัตย์ ประสานเข้า กับกระทรวงพาณิชย์
นั่นหมายถึง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จำเป็นต้องถอยออกจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
คำถามอยู่ที่ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน สุกงอมหรือไม่
คำถามอยู่ที่ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะซ้ำรอย นายเสนาะ เทียนทอง ในเดือนพฤศจิกายน 2539 หรือไม่