⦁…เป็นไปตามที่ “ดีไซน์” ไว้ รัฐบาลหลังการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็น “นายกรัฐมนตรี” ต่อไปอีกสมัย น้องพี่จาก “บูรพาพยัคฆ์” เคียงข้างให้อุ่นใจเหมือนเดิม พร้อมทีมงานในสังกัด สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในนามของสาย “พรรคพลังประชารัฐ” ที่มี “กลุ่มสามมิตร” เป็นตัวเสริม
⦁…ที่หนักแน่น เด็ดขาดเป็น “ภูมิใจไทย” ที่ชัดเจนว่าพลังของ “ชิดชอบ” ยังเป็นหลัก โดยมี “ศักดิ์สยาม” เป็นตัวเล่น คุมกระทรวงเกรด A อันดับหนึ่ง “คมนาคม” ส่วน อนุทิน ชาญวีรกูล ที่นั่งแท่น “หัวหน้าพรรค” นั่ง “สาธารณสุข” สำหรับเก้าอี้ “รองนายกรัฐมนตรี” เป็นพระอันดับตามสูตร
⦁…ส่วน “ประชาธิปัตย์” ที่ผ่านสงครามภายในมาอย่างเข้มข้น การจัดสรรโควต้ารัฐมนตรี พยายามให้เกิดความประนีประนอมอย่างที่สุด สาย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ แม้จะเป็นหลัก แต่ไม่ตัดขาดโอกาสของสาย “กปปส.” เพียงแต่ว่าร่วมรัฐบาลเที่ยวนี้ มีเก้าอี้จำกัด ทำให้หลายคนในพรรคที่เคยเป็นภาพของ “คุณภาพ” ต้องถูกตัดตัวไปก่อน อาจจะเป็นเพราะ “ต้องแก้ปัญหาการเมืองภายในให้พอเดินร่วมกันไปได้ก่อน”
⦁…สำหรับ “ชาติไทยพัฒนา” โดย “ศิลปอาชา” กับ “รวมพลังประชาชาติไทย”ในคาถาของ “เทพเทือก” ได้แบ่ง “ว่าการ” คนละกระทรวง ย่อมถือว่า “ไม่เลวนัก” สำหรับการเมือง “ยุคนักการเมืองยังไม่หลุดจากภาพชนชั้นน่ารังเกียจ” ที่เหลือที่เป็นพรรคต่ำสิบทั้งหลาย หลังจากนี้คงได้เห็นว่าจะได้ “ส่วนแบ่ง” ให้ไปเป็นอะไร แม้จะรู้สึกว่า “จ๋อยๆ” แต่สำหรับความคิดของ “นักการเมืองที่ปรารถนาส่วนแบ่งมากกว่าอย่างอื่น” น่าจะยัง “พอเสพสุขได้บ้าง”
⦁…หากมอง “เสถียรภาพรัฐบาล” ในมุมที่เคยชินกันว่าขึ้นกับ “เอกภาพ” ของ “พรรคร่วม” ย่อมต้องคิดไปในทาง “อยู่ยาวยาก” ความเป็น “พรรคร่วม” ที่เริ่มต้นด้วยความกินแหนงแคลงใจ เกิด “ความไม่สมใจ” อยู่ทุกอณูระหว่าง “พรรคต่อพรรค” ให้เกิดภาพ “พร้อมที่จะหักกันได้ทุกเมื่อ” กลายเป็นเรื่อง “ไว้วางใจให้กันไม่ได้” แค่หันหลังให้ก็มีโอกาสที่จะ “โดนเสียบ” มองจากมุมนี้ คำถาม “จะอยู่กันอย่างไร” ย่อมมีความ “เปราะบาง” เป็นคำตอบ
⦁…ยิ่งไปกว่านั้นคือหากมองลึกไปในแต่ละพรรค ดูเหมือนว่าจะมีเฉพาะ “ภูมิใจไทย” เท่านั้นที่ดูหนักแน่น แม้จะมี “ส.ส.ที่งดออกเสียงเลือกนายกฯ” ไม่เป็น “ตามสั่ง” อยู่ แต่ที่สุดแล้ว “ศูนย์รวมอำนาจ” ยังไม่คลอนแคลน ทว่า “พลังประชารัฐ” กับ “ประชาธิปัตย์” ไม่เป็นอย่างนั้น “รอยร้าวภายใน” ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่ว พร้อมจะเป็นปัญหาทันที ยิ่งทำให้ “ความมั่นคงของรัฐบาล” ดูน่า “ไหวหวั่น” อยู่จริง
⦁…อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นการมองในมุมเดิมที่ให้เครดิต “สภาผู้แทนราษฎร” สูง เนื่องจากแม้จะพิสูจน์มาหลายเรื่องแล้วว่า “รัฐธรรมนูญที่ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา” ทำให้ “อำนาจที่จะกำหนดความมั่นคงของรัฐบาล” ไม่ได้อยู่ที่ “สภาผู้แทนราษฎร” อีกต่อไป เพียงแต่ “บทบาทขององค์แห่งอำนาจ” ที่แสดงไว้ ยังเปลี่ยน
“ความเคยชินในความเชื่อเดิมๆ” ไม่ได้หมด ทว่าอีกไม่นานคงจะได้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ในทางที่ว่า “ความไม่เป็นเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาล” ไม่ได้มีความหมายต่อ “เสถียรภาพ” สักเท่าไร
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่