ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องการหรือไม่ต้องการเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่สถานการณ์ในขณะนี้กำลังบีบกดรุนแรงยิ่งขึ้นให้จำต้องเป็นเพียงแต่ว่าจะเป็น “เมื่อใด” เท่านั้นเอง
ขอให้สังเกตน้ำเสียงอันมาจากพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ขอให้สังเกตน้ำเสียงอันมาจากพรรคชาติพัฒนา
หรือแม้กระทั่งจากภายในพรรคพลังประชารัฐเอง
มีพรรคการเมืองใด มีนักการเมืองใดให้ราคากับหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐบ้าง
ล้วนเป็นการพูดในลักษณะ “ข้ามหัว” ทั้งสิ้น
ยิ่งปฏิกิริยาอันมาจากภายในพรรคพลังประชารัฐ ยิ่งมากด้วยความละเอียดอ่อน
น้ำเสียงจากแกนนำซึ่งเป็นตัวแทนพลังร่วมของภาคอีสานตอนบน ก็ดำเนินไปเหมือนกับน้ำเสียงจากแกนนำซึ่งเป็นตัวแทนพลังร่วมของ ส.ส.ภาคใต้
1 พวกเขาล้วนอยู่ในคณะกรรมการยุทธศาสตร์หาเสียงของ พรรคพลังประชารัฐ
1 คณะกรรมการยุทธศาสตร์หาเสียงของภาคใต้ต่อสายตรงผ่านนายทหารซึ่งมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
แน่นอนพวกเขามองไม่เห็นบทบาทของหัวหน้าพรรคหรือเลขาธิการพรรคอยู่แล้ว
1 คณะกรรมการยุทธศาสตร์หาเสียงของภาคอีสานตอนบน มีสัมพันธ์แนบแน่นกับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน
เมื่อโครงสร้างและความสัมพันธ์เป็นเช่นนี้จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องเกรงใจหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค
หากพื้นที่ภาคใต้เป็นเช่นนี้ หากพื้นที่ภาคอีสานตอนบนเป็นเช่นนี้แล้วภาคเหนือไม่ว่าตอนบนและตอนล่างจะเป็นอย่างไร
แน่นอน บทบาทหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคมีน้อยมาก
ทุกสายตา ทุกสายความสัมพันธ์จึงทะลุไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถนนทุกสายล้วนทอดไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีทางสายอื่น
นี่คือไฟท์บังคับสำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจำต้อง เป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
