มีความขึงขัง คึกคัก และเข้มข้น ปรากฏขึ้นอย่างเด่นชัดในคดีเกี่ยว
กับ พระเทพญาณมหามุนี(ธัมมชโย)
สัมผัสได้จาก “ดีเอสไอ” สัมผัสได้จาก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
แต่จากอีก”บางส่วน” ไม่คึกคัก
โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เมื่อสัมผัสจาก นายวิษณุ เครืองาม
กลับมากด้วย “ความสุขุม”
ไม่เพียงแต่สุขุมอย่างชนิดที่เติมด้วย”คัมภีรภาพ”หากยังตามมาด้วยคำว่า “รอบคอบ”
“ดีเอสไอ”เดิน”เกียร์ 4″แน่นอน
แต่ไม่แน่ว่าจะมี “ดิสเบรก”ตามมาและต้องถอยลงมาอยู่เกียร์ 3 เกียร์ 2 เกียร์ 1 หรือ
ข่าวเงิน 2,000 ล้านบาทจึง”ปลิวว่อน”
กระแสข่าวเกี่ยวกับเงิน”2,000 ล้านบาท”ก็เหมือนข่าวการจะดึงเอา สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปัญโญ) เข้ามา
จุดหมายคือ การโยน”เผือกร้อน”
เป้าหมายก็คือ 1 โยนเข้าหาสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) 1 โยนเข้าหามหาเถรสมาคม(มส.)เพื่อให้ตกในมือ
สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์(ช่วง วรปัญโญ)
แต่ทำไปทำมาทำท่าว่าจะตกอยู่กับ 1 ดีเอสไอ และ 1 ผู้ทำหน้าที่ในการโยนขึ้นมามากกว่า
“วิทยายุทธ์”นี้มากด้วย”ความแหลมคม”
เคยใช้ได้ผลมาแล้วก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 และก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
รวมถึงวิทยายุทธ์ว่าด้วย”เงิน 2,000 ล้านบาท”
ไม่ว่าวิทยายุทธ์ว่าด้วย”เงิน 2,000 ล้านบาท”จะลอยมาจาก”แหล่ง ข่าว”ใด
เหมือนจะเป็นการป้ายให้กับ”ธรรมกาย”
แต่เอาเข้าจริงๆต้องการให้เป็น “พลัง”และ”กระแส”ในการกดดันให้กับ “คดี”
ทำให้ไปอยู่ในสภาวะ “ถอย”ไม่ได้
เพราะหากถอยเท่ากับต้องติดอยู่กับ “โคลนตม”อันมาพร้อมกับ”เงิน 2,000 ล้านบาท”
จำเป็นต้องใส่”เกียร์”เดินหน้า สถานเดียว
กระนั้น การใส่เกียร์ 4 เพิ่มความรุนแรงในกรณี พระเทพญาณมหามุนี(ธัมมชโย)ก็เริ่มพบกับ “อุปสรรค”
ทุกอย่างที่ผลักดันหวังให้เป็น”เผือกร้อน”
ทำไปทำมากลับติดอยู่ในมือของ “กรมสอบสวนคดีพิเศษ” หรือ “ดีเอสไอ”
จะ”เดินหน้า”ก็ลำบาก จะ”ถอยหลัง”ก็ลำบาก
จะจบแบบ”พะจุณณ์”ก็ไม่ได้ จะจบแบบ”อาทิตย์”ก็ไม่ได้
“เผือก”จึงร้อนทั้งมือ และติดเหนอะหนะบริเวณเหงือก