…เคลียร์เก้าอี้รัฐมนตรีจบไปเป็นส่วนใหญ่ ยังคงความนิ่งที่สุดไว้เป็น “ภูมิใจไทย” สำหรับ “ประชาธิปัตย์” ที่ต้องปรับทีมบริหารกันครั้งใหญ่ทั้งจาก “ผลการเลือกตั้งโดยรวม” และ “ความขัดแย้งในเรื่องทิศทางของพรรค” แต่ที่สุดก็หาข้อสรุปเบื้องต้นได้จบ เหลืออยู่เพียงใน “พลังประชารัฐ” ที่แม้ส่วนใหญ่หมดปัญหาแล้ว ทว่า “กลุ่มสามมิตร” ยังอยู่ในสภาพ “จำเลย” ของเพื่อนร่วมพรรคที่จะไล่ขยี้ให้คลายโควต้า “รัฐมนตรี”
…ที่เคลื่อนกันอยู่ไม่เพียงคำพูด และข้อมูลเชิงทำลายที่ปล่อยออกมาใส่กันเท่านั้น แต่ยังมีรูปธรรมของการ “จัดตั้งที่ทำการกลุ่ม” นอกที่ทำการพรรคขึ้นมา ให้ประกาศพลังให้ชัด ทำให้ดูท่าไม่จบลงง่ายๆ อย่างไรก็ตาม เมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” คนที่จะมาเป็น “หัวหน้าพรรคคนใหม่” แก้เกมด้วยการให้บทบาทกับระดับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ลงไปเคลียร์ทั้ง “กลุ่มด้ามขวานไทย-กลุ่มอีสานเหนือ-กลุ่มอีสานใต้” ทำให้เริ่มเกิดความมั่นใจว่า น่าจะทำให้ “สงบปากสงบคำ” กันได้มากขึ้น
…ขณะที่ “การจัดตั้งรัฐบาล” ยังกระดึบๆ อย่างทุลักทุเล ดูเหมือนว่า “ฝ่ายค้าน” ไม่รอเวลาให้ตั้งตัว ไม่มีช่วง “ฮันนีมูน” ให้ โดย “เพื่อไทย” เดินหน้าเตรียมยื่นญัตติให้ชี้แจง “กระบวนการแต่งตั้ง ส.ว.” ให้อธิบายแนวคิดที่ “วิษณุ เครืองาม” ประกาศว่า “ไม่เกี่ยวกับประชาชน” ว่าเป็นอย่างไร ขัดกับหลักการของ “รัฐธรรมนูญหรือไม่” หลังจากนั้น การทำงานของฝ่ายค้านจะเข้มข้นขึ้นทันทีเมื่อในวาระพิจารณา “พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี”
…ที่ดูจะซีเรียสมากกว่านั้นคือ หากมุมมองเรื่อง “แต่งตั้ง ส.ว.ไม่ชอบตามรัฐธรรมนูญ” จะถูกชี้ให้เห็นว่าส่งผลต่อ “การโหวตนายกรัฐมนตรี” แม้ทุกฝ่ายจะเชื่อว่า เมื่อ “ใช้อำนาจอย่างเข้มข้นมาถึงขนาดนี้แล้ว” เรื่องที่เป็นแค่ “มุมมองของฝ่ายตรงกันข้าม” ไม่น่าจะเป็นปัญหา เหมือนที่ “วิษณุ เครืองาม” ชี้นำทางไว้แล้วว่า “การถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปราย” ผลที่ต้องการคือ “ตอกย้ำภาพการใช้อำนาจ” ไม่กระทบ แต่ “บั่นทอน”
…โจมตีกันอยู่พรรคใหญ่ว่า “ส.ส.พรรคอนาคตใหม่” ที่ไม่ไป “งานบวช งานบุญ” ทำให้เข้าไม่ถึงประชาชน แต่ดูเหมือนว่านั่นเป็น “การทำงานการเมืองในมุมเก่า” เอา “การสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัว” เป็นการกระชับฐานเสียง โดยมองข้าม “กิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่” ที่ลงไป “รับฟังปัญหาของท้องถิ่นอย่างถึงลูกถึงคน” เพื่อมากำหนดประเด็นที่จะ “อภิปรายในสภา” ระหว่าง “ส.ส.” ที่ร่วม “งานบวช งานแต่ง” กับที่ “เอาปัญหาไปเคลื่อนไหวในสภา” ให้เห็นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ลองนึกดูว่า “คะแนนนิยมในอนาคต” จะเป็นของ ส.ส.แบบไหน
…เพราะเชื่อว่า “การเมืองต้องเดินด้วยทุน” เลยเกิดกระบวนการที่คิดว่ากำจัด “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ออกจากเวทีเสียได้ พรรคก็จะหมดพลัง เลยมีข่าวว่า “กรรมการบริหาร” จะถูกเด็ดทิ้งทั้งหมด ให้ “ส.ส.อนาคตใหม่” กระจายไปอยู่พรรคอื่น โดยเฉพาะ “พรรคร่วมรัฐบาล” ที่จะเข้ามาช้อนซื้อ แต่อาจจะลืมไปว่านั่นเป็น “มุมมองนักการเมืองแบบเก่าๆ” อาจบางที “การเมืองไทยไม่ใช่ทางของคนแก่อีกต่อไปแล้ว” ในโลกยุคดิจิทัล
…แนวโน้มการเมืองจะเป็นอย่างไร ผลจะออกมาให้เห็นกันชัดๆ อีกรอบ จาก “การเลือกตั้งองค์การบริหารส่วนท้องถิ่น” ที่กำลังจะเกิดขึ้น ระหว่าง “นักการเมืองความคิดเก่า” ที่เน้น “ความสัมพันธ์ส่วนตัว” กับ “นักการเมืองรุ่นใหม่” ที่มุ่งไปอย่างเชื่อมั่นในการ “ปรับจูนความคิด” ให้มองการเมืองเป็น “เครื่องมือแก้ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่” และ “โอกาสที่เท่าเทียม” แบบไหนเป็นทางเลือกอีกไม่นาน ได้รู้กัน
ชโลทร