ไม่ว่าการออกโรงของ “กลุ่มด้ามขวานไทย” ไม่ว่าการออกโรงของ กลุ่ม”อีสานตอนบน” ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงที่ดำรงอยู่ภายในพรรคพลังประชารัฐ
ดังที่ นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.เขต 1 ตรัง ยอมรับ
“ถือเป็นครั้งแรกที่พวกผมได้พูดคุยกับผู้บริหารพรรคเพื่อทำความเข้าใจ”
เป็นครั้งแรกนับแต่เป็น “สมาชิกพรรค”
เป็นครั้งแรกนับแต่ได้รับการคัดสรรให้เป็น “ผู้สมัครรับเลือกตั้ง” เป็น ส.ส.ในนามพรรค
เป็นครั้งแรกนับแต่ได้รับเลือกเมื่อวันที่ 24 มีนาคม
ต้องยอมรับว่านับเป็นความเมตตาอย่างยิ่งของหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐต่อ ส.ส.ของพรรค
การออกมาแสดง”ปฏิกิริยา” ของ บรรดา 13 ส.ส.จากภาคใต้ และ 19 ส.ส.จากภาคอีสานตอนบน จึงเป็นคุณูปการอย่างสูงยิ่งในทางการเมือง
1 ทำให้เข้าใจสภาพการบริหารจัดการภายในพรรคพลังประชารัฐได้อย่างครบถ้วน ตามความเป็นจริง
รู้ว่าหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคดำรงตนอย่างไร
ขณะเดียวกัน 1 ทำให้เข้าใจสภาพการดำรงอยู่ของแต่ละกลุ่มภายในพรรคพลังประชารัฐว่ามากด้วยความหลากหลายเป็นอย่างยิ่ง
นอกจาก “กลุ่ม 4 ยอดกุมาร” อันส่งตรงมาจากทำเนียบรัฐบาลแล้ว ยังมีกลุ่มกทม. ยังมีกลุ่มสามมิตร ยังมีกลุ่มพลังโคราช ยังมีกลุ่มภาคอีสานตอนบน ยังมีกลุ่มด้ามขวานไทย
และยังมีกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งรับหน้าที่ใน การ “เคลียร์” ให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าในพรรคหรือนอกพรรค
ความจริงในพรรคพลังประชารัฐคือ การปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง
หากนำเอาคำสารภาพของ ส.ส.จากกลุ่มด้ามขวานไทยประสานเข้ากับเหตุผลของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล ที่เห็นชอบว่า พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา ควรมาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
“เพราะการทำงานมีเรื่องต้องตัดสินใจมาก”
กระบวนการตัดสินใจในลักษณะ “นอมินี” อาจไม่เหมาะสมและไม่ทันกับสถานการณ์
ก็จะมองเห็นเค้าลางหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐใหม่เด่นชัด
