ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ดำเนินคดีกับ 3 ผู้ต้องหา คือ นายณัฐพล ถาวรพิบูลย์ เจ้าของสถาบันกวดวิชาเข้าเตรียมทหาร “บ้านครูพี่ณัฐ” น.ส.พีรญา พละแสน ภรรยา และ น.ส.นงลักษณ์ พละแสน แม่ยาย ฐานร่วมกันทำร้าย ด.ช.ฐปกร หรือน้องชายแดน ทรัพย์สิน อายุ 14 ปี นักเรียนที่เข้าเรียนในสถาบันกวดวิชา จนถึงแก่ความตาย เป็นข่าวที่ประชาชนให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้
พยานซึ่งเป็นเด็กในเหตุการณ์ระบุว่า เจ้าของสถาบันกวดวิชาลงมือทำร้าย ด.ช.ฐปกรจนบาดเจ็บสาหัส โดยใช้ไม้เบสบอลตีเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. จนแขนหัก จากนั้นนำไม้เบสบอลสิบกว่าอันไปทิ้งแม่น้ำเพื่อทำลายหลักฐาน ทีมเจ้าหน้าที่ค้นหาพบเจอไม้เบสบอลแล้ว 4 อันส่งตรวจพิสูจน์ ซึ่งพนักงานสอบสวนนำมาประกอบสำนวนเป็นหลักฐานสำคัญในคดีนี้ด้วย ต่อมาวันที่ 12 มิ.ย. สั่งให้นักเรียน 4 คน จับตัวน้องชายแดนขึงพืดแล้วซ้อมจนหมดสติ จากนั้นสั่งให้ใช้ไฟลนอวัยวะเพศน้องชายแดน จนหมดสติและอุจจาระปัสสาวะไหล อาการสาหัส ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล
นายชลำ อรรถธรรม เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ได้ประสานให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) นครสวรรค์ ตรวจสอบสถาบันกวดวิชาแห่งนี้แล้วพบว่าสถาบันกวดวิชาดังกล่าวไม่ได้ขอจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ถูกต้องตามกฎหมาย ถือว่าเป็นสถาบันกวดวิชาเถื่อน เจ้าของสถาบันกวดวิชามีความผิดตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 มาตรา 147 ผู้ใดจัดตั้งโรงเรียนนอกระบบโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา 120 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
กรณีที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความหละหลวมของทางราชการ ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ ที่มิได้สอดส่องดูแลสถาบันกวดวิชา ซึ่งเก็บค่าเรียนสูงมาก และยังนำเด็กมาพักในสถาบัน ซึ่งอาจเสี่ยงต่อสวัสดิภาพเด็กในหลายประการ นอกจากนี้ยังมีกรณีของตำรวจ ซึ่งผู้ปกครองของนักเรียนรายหนึ่งที่ถูกทารุณกรรมจากสถาบัน เข้าแจ้งความ แต่ไม่ได้มีการติดตามคดีอย่างจริงจัง จนทำให้เกิดการเสียชีวิตของ ด.ช.ฐปกร พร้อมๆ กับการสอบสวนคดีของน้องชายแดน การตรวจสอบอย่างเป็นระบบและทั่วถึงควรจะเกิดขึ้นทันที
