ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องการหรือไม่ต้องการที่จะดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แต่สถานการณ์กำลังบีบและกดดันรุนแรงมากยิ่งขึ้น
รุนแรง หนักหน่วง กระทั่งยากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะปัดปฏิเสธได้
หากประเมินจากท่าทีของพรรคร่วมรัฐบาล
ไม่ว่าจะเป็นความน้อยอกน้อยใจของพรรคชาติพัฒนา ของ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย หรือแม้กระทั่งท่วงทำนองแมนๆในแบบพรรคพลังท้องถิ่นไท
เป้าหมายคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพียงหนึ่งเดียว
ไม่มี นายอุตตม สาวนายน ไม่มี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อยู่ในสายตา
ยิ่งหากศึกษา”แถลง”ล่าสุดจาก นายธนกร วังบุญคงชนะ ในฐานะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ
มีความมั่นใจถึงระดับ
“เมื่อมีการตั้งครม.เสร็จ ทุกอย่างก็เดินหน้า เชื่อว่า พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา จะสามารถสร้างความเข้าใจอันดีในหมู่สมาชิก พรรคพลังประชารัฐได้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นที่รักและเคารพของสมาชิก”
เด่นชัดอย่างยิ่งว่าไม่ว่าในฐานะสมาชิกพรรค ไม่ว่าในฐานะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ ได้ก้าวไปข้างหน้าในลักษณะ“กระโดด”ตามสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสม
เป็นท่าทีอย่างเดียวกันกับที่พรรคร่วมรัฐบาลได้แสดงออกทั้งด้วยภาษากายและด้วยคำพูด
นั่นก็คือ มองข้ามบทบาทและความหมายของ นายอุตตม สาวนายน มองข้ามบทบาทของ นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ไปแล้วโดยสิ้นเชิง
อย่าได้แปลกใจหากว่า ไม่ว่า นายอุตตม สาวนายน ไม่ว่า นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ล้วนเงียบ แม้ว่าจะยังได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคก็ตาม
บทบาทยังน้อยกว่า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ด้วยซ้ำ
นั่นเพราะว่าอำนาจและบารมีอันมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีความโดดเด่นเหนือกว่า
ตอกย้ำว่านั่นคือ ตัวจริง เสียงจริงแห่งพรรคพลังประชารัฐ
