เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำกลุ่มกองทัพประชาชนโค่นระบอบทักษิณ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “ไทกร พลสุวรรณ” ข้อความว่า
“ธนาธรผู้แบกความหวังแห่งอนาคต
คะแนน 6.3 ล้านคะแนน และ ส.ส. 81 คน ของพรรคอนาคตใหม่ คือผลลัพธ์ที่สะท้อนถึงความคาดหวังที่ประชาชนมีต่อหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
เป็นความหวังอันหนักอึ้งที่วางอยู่บนบ่าของธนาธร
ด้วยความเข้าใจของประชาชนส่วนใหญ่ที่เห็นว่า
อนาคตใหม่คือธนาธร
ธนาธรคืออนาคตใหม่
ความเข้าใจของประชาชนเช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต เช่น
คึกฤทธิ์คือกิจสังคม
กิจสังคมคือคึกฤทธิ์
สมัครคือประชากรไทย
ประชากรไทยคือสมัคร
มหาจำลองคือพลังธรรม
พลังธรรมคือมหาจำลอง
หรือแม้แต่ทักษิณคือไทยรักไทย ไทยรักไทยคือทักษิณ
กระแสนี้คือกระแสที่เกิดจากการชูตัวบุคคลให้สูงเด่นจนบดบังพรรคการเมืองต้นสังกัด
เมื่อคึกฤทธิ์ สมัคร พลตรีจำลองเลิกเล่นการเมือง ทั้งพรรคกิจสังคม ประชากรไทย พลังธรรม ต่างก็เสื่อมทรุดและหมดบทบาทไป
ส่วนกรณีทักษิณและพรรคการเมืองของเขาไม่ได้อยู่ในบริบทเดียวกัน เพราะทักษิณไม่ได้เลิกเล่นการเมือง เพียงแต่ถูกสถานการณ์บังคับให้เปลี่ยนบทบาท จากผู้เล่นในสนามเป็นผู้บงการที่อยู่เบื้องหลัง จนพรรคไทยรักไทยกลายร่างเป็นพรรคพลังประชาชนและเป็นพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน
เมื่อมองเข้าไปถึงองค์ประกอบที่เป็นโครงสร้างและตัวบุคคล ตัวบุคลากรในพรรคอนาคตใหม่
หลายคนมองด้วยความห่วงใย
ตัวหัวหน้าพรรคก็คงเข้าใจปัญหานี้ดี
เพราะธนาธรได้พูดต่อสาธารณะหลายเวทีว่า ต้องการจัดการปัญหาและจัดวางเรื่องต่างๆในพรรค โดยถือเป็นภารกิจหลักนั่นคือ สร้างพรรคให้เข้มแข็ง
พรรคอนาคตใหม่มีจุดแข็งคือ อุดมการณ์ แนวทางและนโยบายของพรรค
ส่วนจุดอ่อนคือ บุคลากรของพรรค ทั้งนักการเมืองของพรรค และคณะผู้บริหารพรรค
เชื่อว่าธนาธรเข้าใจเรื่องนี้ดี
และผู้ที่จ้องทำลายพรรคอนาคตใหม่ก็มองเห็นจุดอ่อนนี้เช่นกัน
จนกลายเป็นข้อสรุปว่า
ทำลายธนาธรได้ ก็ทำลายพรรคอนาคตใหม่ได้
นี่คือภารกิจที่ท้าทายของธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ ว่าจะสามารถเปลี่ยนจุดอ่อนเป็นจุดแข็งได้อย่างไร ?
จะพัฒนานักการเมืองของพรรค คณะผู้บริหารพรรค ให้เข้มแข็งแข็งแกร่งได้อย่างไร ?
จนสามารถฝ่าฟันนำความหวังของประชาชนไปถึงเป้าหมายได้สำเร็จ
ไม่ว่าธนาธรจะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองหรือไม่ก็ตาม”