“ณัฏฐพล” กรอกประวัติ-คุณสมบัติ ส่งถึงมือ เลขาครม.ด้วยตัวเองเรียบร้อย เปรย อยากนั่งกระทรวงด้านการศึกษา ยัน พร้อมแจงศาลรธน. ปมหุ้นสื่อ
เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 28 มิถุนายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้ายื่นเอกสารประวัติและคุณสมบัติรัฐมนตรี ต่อเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ว่า ตนส่งเอกสารเรียบร้อยแล้ว ส่วนกระแสก่อนหน้านี้ที่ระบุว่าอาจจะหลุดจากเก้าอี้รัฐมนตรีนั้น ตนไม่ทราบ แต่ถึงวันนี้ก็อาจจะหลุดได้ ส่วนจะได้รับตำแหน่งใดนั้น ยังไม่ทราบ โดยเอกสารที่ส่งไปมีรายละเอียดเกี่ยวกับคุณสมบัติต่างๆ เช่น เรื่องการถือหุ้น รวมถึงข้อมูลทั่วไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้รับสัญญาณหรือไม่ว่าจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใด นายณัฏฐพล กล่าวว่า ยังไม่นิ่ง ต้องรอนายกรัฐมนตรีตัดสินใจ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากให้ประเมินตัวเอง คิดว่าเหมาะสมกับรัฐมนตรีกระทรวงใด นายณัฏฐพล กล่าวว่า ถ้าเลือกได้ ก็อยากทำอะไรที่เกี่ยวกับการศึกษา เนื่องจากคิดว่าพอมีประสบการณ์มาบ้าง โดยเคยทำเรื่องการศึกษาในโรงเรียนเอกชนนานาชาติ เคยติดต่อกับต่างประเทศ จึงต้องการนำความรู้ส่วนดังกล่าวมาช่วยแก้ไขปัญหาของการศึกษาในประเทศไทย ซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นงานที่ตัวเองถนัด ส่วนงานในกระทรวงอื่น คงเป็นเรื่องของการบริหารจัดการ ซึ่งต้องเข้าไปเรียนรู้หากต้องไปอยู่ในกระทรวงที่ไม่คุ้นเคย
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าจะไปนั่งหัวหน้าพรรคพปชร. นายณัฏฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่มีความชัดเจนใดๆ เป็นเรื่องที่สื่อมวลชนอาจจะพูดกันขึ้นมาเอง ทางพรรคพปชร.ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวหรือเตรียมตัวอะไร
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้ไม่นาน พล.อ.ประยุทธ์ได้ระบุว่ากำลังสอบถามฝ่ายกฎหมายถึงความเหมาะสมในการนั่งตำแหน่งดังกล่าว นายณัฏฐพลกล่าวว่า เรื่องนี้ทางพรรคพปชร.ไม่ทราบเรื่อง และไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ ตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังเป็นนายอุตตม สาวนายน และเลขาธิการพรรค ยังเป็นนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ทุกคนยังทำงานตามปกติ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ต้องชี้แจงหุ้นสื่อต่อศาลรัฐธรรมนูญ นายณัฏฐพล กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่มีความกังวลแต่อย่างใด ตนได้เตรียมยื่นเอกสารชี้แจงไปที่ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ตอนนี้กำลังให้ทนายความดำเนินการเรื่องเอกสาร เช่น งบดุล เพื่อจะชี้แจงแสดงให้เห็นว่าไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับธุรกิจด้านสื่อ ซึ่งศาลจะพิจารณาอย่างไรก็เป็นดุลยพินิจของศาล ส่วนหุ้นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ขายออกไป