เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งร่วมทำกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองต่อเนื่อง โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง จดหมายเปิดผนึกของตนเองถึงผู้นำประเทศกลุ่มจี 20 (G20) ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ โดยแสดงความกังกลใจกับสถานการณ์การใช้กฎหมายและความรุนแรงปราบปรามผู้เห็นต่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ในวันนี้ที่เกิดขึ้นกับ “จ่านิว” นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ รุ่นพี่และเป็นนักเคลื่อนไหว ถูกรุมทำร้ายโดยกลุ่มชายไม่ทราบชื่อ จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติ จึงอยากให้เหล่าผู้นำประเทศกลุ่มจี 20 ช่วยย้ำเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ให้ตระหนักได้ว่าสิทธิและเสรีภาพมีความสำคัญและเป็นหัวใจของสังคมประชาธิปไตย
รายละเอียดข้อความภาษาไทย ดังนี้
“ในฐานะนักศึกษาและประชาชนชาวไทยคนหนึ่ง กระผมขอเขียนจดหมายถึงท่านเพื่อเรียนความกังวลใจเกี่ยวกับสถานการณ์การใช้กฎหมายและความรุนแรงปราบปรามผู้เห็นต่างที่เกิดขึ้นในประเทศไทยภายใต้การปกครองของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ซึ่งอาจจะนั่งอยู่ข้าง ๆ ท่านในการประชุมครั้งโอซากาที่กำลังดำเนินอยู่ ณ ขณะนี้
นับแต่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้ามาปกครองประเทศหลังการรัฐประหารเมื่อปี พ.ศ.2557 มีผู้ถูกดำเนินคดีทางการเมืองกว่า 625 คน ข้อกล่าวหาในคดีเหล่านี้มักเป็นข้อกล่าวหาที่กำกวม ไม่ชัดเจนว่าก่อให้เกิดความเสียหายอย่างไร แต่เห็นได้ชัดว่ามีนัยยะซ่อนเร้นทางการเมือง เช่น ข้อหา “ก่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่อง” หรือข้อหา “นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ หรือกระทบต่อความปลอดภัยของสาธารณะ หรือความมั่นคงของประเทศ” ซึ่งมักถูกใช้ปิดปากผู้ทิ่วพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ แม้จะได้มีการจัดการเลือกตั้งไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมาแล้ว การดำเนินคดีทางการเมืองกับนักการเมืองฝ่ายค้านและผู้เห็นต่างก็ยังคงเกิดขึ้นเรื่อยมาอย่างสม่ำเสมอ
เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจยังได้เข้าไป “เยี่ยมเยียน” ประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งที่โรงเรียน การส่งเจ้าหน้าที่ไปเยี่ยมเยียนดังกล่าวเป็นไปเพื่อห้ามปรามมิให้พวกเขาเหล่านั้นออกมาวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์อีก มีรายงานว่ามีผู้ถูกเจ้าหน้าที่เยี่ยมเยียนในลักษณะนี้กว่า 1,349 คน นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ทำร้ายและขู่ทำร้ายนักศึกษาและนักเคลื่อนไหวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่อยครั้งผู้ที่ตกเป็นเป้เหมายได้รับบาดเจ็บถึงขั้นต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ในช่วงที่ผ่านมา มีเหตุทำร้ายนักเคลื่อนไหวเกิดขึ้นกว่า 10 ครั้ง โดยล่าสุดเมื่อไม่กี่ชั่วโมงมานี้ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ผู้ซึ่งเป็นรุ่นพี่และเป็นนักเคลื่อนไหวเช่นเดียวกับกระผมถูกรุมทำร้ายโดยกลุ่มชายไม่ทราบชื่อจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติ เป็นผลให้เขาต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด เฉพาะในเดือนนี้ เขาถูกรุมทำร้ายในลักษณะนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายคนที่ถูกขู่ว่า “จะเป็นรายต่อไป” รวมถึงกระผมด้วย การใช้ความรุนแรงเช่นนี้มีแนวโน้มว่าจะรุนแรงและทำกันอย่างเป็นระบบยิ่งขึ้นไปอีก ในขณะที่เจ้าที่ตำรวจละเลยชการสืบสวนและรักษาความปลอดภัย เพราะเห็นได้ชัดว่าเจ้าหน้าที่ทหารจำนวนหนึ่งน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุที่เกิดขึ้น
กระผมร้องขอความเห็นใจจากพวกท่านซึ่งเป็นผู้นำของกลุ่มประเทศที่รวมแล้วมีสัดส่วน GDP โลกสูงถึงร้อยละ 80 มีสัดส่วนการค้าระหว่างประเทศกว่าร้อยละ 75 และมีสัดส่วนประชากรโลกกว่าร้อยละ 80 โปรดช่วยย้ำเตือน พล.อ.ประยุทธ์ผู้ซึ่งอยู่ในที่ประชุมกับท่านให้ตระหนักได้ว่าสิทธิและเสรีภาพมีความสำคัญและเป็นหัวใจของสังคมประชาธิปไตย กระผมเชื่อว่าการละเมิดสิทธิเสรีภาพโดยชัดแจ้งนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ในสังคมนานาชาติ
ขอแสดงความนับถือ
พริษฐ์ ชิวารักษ์
นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ สาขากิจการระหว่างประเทศ”
