จากกรณีที่รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โพสต์ข้อความว่า นักกิจกรรม และกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย Democracy Restoration Group – DRG ได้ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ สอบถามร้านค้าวินมอเตอร์ไซค์ที่เกิดเหตุการณ์พบว่าจ่านิวโดนทำร้ายบริเวณริมถนนใหญ่ ไม่ใช่ปากซอยหน้าบ้านอย่างที่ระบุในตอนแรก จุดที่เกิดเหตุเป็นจุดที่มีคนพลุกพล่าน ใครอยากเดินทางไปไหนก็จะมาต่อรถกันตรงนี้
พยานระบุว่า คนร้ายมี 4 คน มายืนรอจ่านิวอยู่จุดดังกล่าวระยะหนึ่ง ก่อนจ่านิวจะมาถึง ทันทีที่เห็นจ่านิว คนร้ายก็ได้วิ่งเข้าไปทำร้ายจ่านิวทันที ตามตีจนจ่านิวต้องวิ่งลงไปในถนน แต่คนร้ายไม่หยุด ตามตีต่อไปจนจ่านิวล้มลง พยานระบุว่า คนร้ายเล็งตีไปที่บริเวณศรีษะ พร้อมกับตั้งข้อสังเกตว่า ต้องการเอาชีวิต คนร้ายหยุดตีเมื่อได้ยินเสียงว่า “ตำรวจมา”
กลุ่มนักกิจกรรมระบุว่า บริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดหลายตัว ทุกตัวใช้งานได้ ขณะนี้กลุ่มได้รับวิดีโอแล้ว อีกทั้งได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับ สน.มีนบุรีแล้ว ได้รับปากกับผมอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะทำคดีนี้อย่างเต็มที่
โพสต์ของรังสิมันต์ โรม มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นสนับสนุนอย่างล้นหลาม สรุปสาระสำคัญที่น่าสนใจได้ว่า
การที่ ส.ส. นักกิจกรรมและประชาชนเข้าไปร่วมค้นหาข้อเท็จจริงในเรื่องจ่านิว จะทำให้ตำรวจและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองฉุกคิดว่า ต้องทำงานสุดความสามารถ เพราะเกิดการเปรียบเทียบว่าหากเป็นบางฝ่ายถูกกระทำ อาจได้ตัวคนร้ายแล้ว
อีกความเห็นเสนอว่า ประชาชนต้องรวมตัวกัน แล้วช่วยกันสืบเสาะติดตามคดีนี้เท่าที่จะทำได้ เหมือนหลายเรื่องที่ประชาชนเป็นผู้เสียหาย แต่ตำรวจไม่ยอมสอบสวนให้ ประชาชนต้องหาพยานหลักฐานมาให้ตำรวจดำเนินคดีให้ กรณีจ่านิวก็เช่นกัน ประชาชนต้องช่วยกันหาพยานหลักฐาน เพื่อเอาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้
“ยุคนี้ประชาชนต้องหาหลักฐานเอง ดูแลกันเอง ต้องไปกำชับผู้รักษากฎหมายบ้านเมือง ประเทศไทยล้าหลังไปมากจริงๆ ถ้าเราปล่อยให้เกิดแบบนี้ อีกหน่อยการคุกคามคงเป็นเรื่องปกติ พวกที่ยังมองไม่ออก อยากให้คิดสักนิด อย่าเอาแต่อคติ จนมองไม่เห็นควาามผิดปกติของบ้านเมือง หรือต้องรอให้เกิดกับลูกคุณ ญาติคุณ คนรอบๆ ตัวคุณ ถึงจะมองเห็น เห็นต่างทางการเมือง กับใช้อำนาจคุกคามกัน มันต่างกันนะ” อีกคอมเมนต์หนึ่งระบุ
ความเห็นหนึ่งระบุว่า ขอให้ทำงานนี้ให้สำเร็จ เอาตัวผู้กระทำต่อคุณนิวมาลงโทษให้ได้ ตำรวจจะเริ่มตั้งใจทำงานได้ก็ต่อเมื่อมีคนของประชาชนเข้าไปกดดัน
อีกความเห็นเรียกร้องให้รังสิมันต์ โรม ซึ่งเป็น ส.ส.อยู่ด้วย ติดตามเรื่องนี้ทั้งในและนอกสภา
กระแสความเห็นที่มากเป็นพิเศษ ได้แก่การเรียกร้องให้ตำรวจแสดงฝีมือ สมกับที่เป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ และขอให้คุ้มครองสิทธิสวัสดิภาพของนักศึกษาที่จัดกิจกรรมทางการเมืองด้วย การแสดงออกทางประชาธิปไตย ไม่ใช่อาชญากรรม ทำไมต้องมีคนแล้วคนเล่าโดนทำร้าย
และแสดงความห่วงใยว่า ต้องติดตามการทำงานกับตำรวจอย่างใกล้ชิด กลัวว่ากล้องวงจรปิดจะกลายเป็นใช้งานไม่ได้หรือกล้องไม่ได้บันทึกภาพอีก
“ขอบคุณคุณโรมที่ติดตามคดี เพื่อเป็นปากเป็นเสียงให้ผู้ถูกทำร้ายค่ะ ครั้งนี้การหาตัวผู้กระทำความผิด ไม่ใช่แค่เพียงแค่เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่คือการกอบกู้ศักดิ์ศรีประชาธิปไตย และตอกหน้ากลับผู้อยู่เบื้องหลังและกองเชียร์ที่ใจอคติทุกคน” อีกความเห็นระบุ
ผู้เข้ามาคอมเมนต์อีกคน ตั้งข้อสังเกตว่า คนร้ายรู้ว่าจ่านิวจะออกมายืนตรงนี้เวลาไหน หากเวลาที่โดนทำร้าย ไม่ใช่เวลาที่ออกจากที่พักเป็นประจำต้องสืบต่อว่ามีการนัดใครไว้ หรือมีใครรู้บ้างว่าจ่านิวจะออกเวลานี้ คนทำร้ายคงไม่ยืนรอโดยไม่รู้เวลา
นอกจากนี้ ยังมีความเห็นที่กล่าวถึงกลุ่มที่ออกมาเยาะเย้ย หรือสมน้ำหน้าจ่านิว โดยถามว่าจิตใจยังมีความเป็นมนุษย์กันอยู่หรือไม่ คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนและจริยธรรมกันบ้าง อย่าเอาแต่ความสะใจของตัวเอง
ลักษณะการรุมทำร้ายอย่างอุกอาจ ไม่หวาดหวั่นกฎหมายบ้านเมือง สะท้อนว่า ผู้สั่งการน่าจะมีอำนาจไม่ธรรมดา ดังที่มีความเห็นหนึ่งระบุว่า
“กล้าทําในบริเวณผู้คน และตอนกลางวันด้วย แสดงว่าผู้บงการคงใหญ่น่าดู สามารถคุ้มครองคนทำผิดได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง เลยเย้ยตํารวจท้องที่ว่ามีฝีมือจับคนเหล่านี้ได้หริอไม่ หรือว่างานนี้จ่านิวจะเจ็บตัวฟรี ประชาชนรอดูผลงานพวกคุณอยู่ว่าจะมีความกล้าหาญพอหรือเปล่า”
