ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน รศ.ดร.สุวินัย ภรณวลัย อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai ว่า
“คนที่ผ่านโรงเรียนเสนาธิการต้องรู้จักเรื่องนี้ มันไม่ใช่แค่วิเคราะห์แนวโน้มใหญ่ หากยังมีแนวโน้มของทางเลือกให้เดินควบคู่กับยุทธวิธี ที่ต้องใช้ อย่าถามว่ามีการวิเคราะห์ประเมินรัฐบาลผสมปริ่มน้ำไหม,? มันต้องมีอยู่แล้ว … มีไปถึงแนวทางสู้ เพื่อรักษารัฐนาวา แนว 1-2-3-4 ให้เดินได้ต่อ ต่อให้ปริ่มน้ำแต่ด้วยสรรพกำลังที่ปูมา 5 ปี
รัฐบาลไม่ด้อยขนาดล้มครืนหรอก เขาสามารถสแกนความเคลื่อนไหวรายงูด้วยซ้ำ ว่าจะเห่าหรือไม่เห่า เห่าจริงหรือเห่ากรรโชก
ในโหมดตั้งรับ หากป้อมค่ายถูกตีแตก.. เขาคงไม่ลืมประเมินความสามารถของการสู้บนเวทีเลือกตั้งด้วย หากจะเลือกยุบสภา แต่แนวนี้เสี่ยงมาก
สู้ลาออก เปลี่ยนขุนศึก สับไพ่ล้างไพ่ใหม่ เป็นแนวทางน่าสนใจกว่าเพราะสามารถรักษาพื้นที่อำนาจเดิมไว้ได้
worst case , best case scenario เป็นเรื่องปกติของการวิเคราะห์ประเมินสถานการณ์อยู่แล้ว เขามีถึงขั้นสามารถรับสถานการณ์มวลชนระดับต่างๆ
อย่าลืมสิ เมื่อปี 2550 น่ะ ทีมลุงมีหน้าที่รักษาพระนคร รู้จักม็อบและเผชิญการเมืองบนถนนระดับขั้นดอกเตอร์ ด้วยซ้ำ รปห.ที่แล้วแสดงชัดว่าไม่ได้จู่ๆ ปุ๊บปั๊บคิดทำ มีแผนมีจังหวะรู้ว่าปล่อยอาวุธใดตอนไหนเพื่ออะไร อีกฝ่ายระเนระนาดไป 5 ปี ไม่ใช่โชคช่วยหรอก
ปัญหาการเมืองอยู่ที่สถาปัตยกรรมการออกแบบการเมืองคับเกินไปต่างหาก
หลักของการเมืองคือต่อรอง จัดสรร สมดุล .. กติกาหลักที่เอียงไป ให้อำนาจแฟร็กชั่นหนึ่งกุมส่วนอื่นเกินไป ไม่สมดุล มันคับ… แถมเสียงเกินครึ่งขนาดลุกไปขี้เยี่ยวไม่ได้ มุ้งไหนไม่ได้ตำแหน่งสุมไฟรอทวง บังเอิญเขียนกติกาเอง ทำไงได้
เดินไต่ลวดต้องมีวันพลาดสักวัน 5 ปีมานี้พลาดไปไม่รู้เท่าไหร่ ถลำไปแล้วชักกลับ ใช้ดาบ 44 ปัดเป่า ฝ่ายค้านไม่มี แต่รอบนี้ไม่ใช่นะ
แผนปฏิบัติการสำหรับ worst case จะมีถึง set zero ไหม? ท่านคิดว่ามีมั้ยล่ะ ทีมนี้ไม่คิด มีทีมที่คิดมั้ย
เกมอำนาจ ! ย้อนไปดูประวัติศาสตร์เถิดท่านโฟรโด
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ของแบบนี้ต้องประกอบสร้างเงื่อนไขจนถึงพิกัด เวลาได้ จังหวะได้ สุกงอมต้องพอดี
แบบไหนล่ะ ย้อนไปดูอดีตสิ
6 ตุลา 19 ไม่ได้บังเอิญ
2557 บังเอิญมั้ย !!??
…..
ป.ล. (ของแถม)
ทุกสงคราม มีขุนศึกนายกอง ที่ได้รับบำเหน็จ แล้วก็มีลิ่วล้อไพร่พลตาย เป็นแค่หินรองตีนให้เขาขึ้นสู่อำนาจ
ส่วนที่ฉิบหายแท้จริง คืออาณาประชาราษฎร์ เรือกสวนไร่นากลายเป็นสนามรบ
คนอยู่ปลายสุดของซ้ายขวา ย่อมมองคนกลางๆ เป็นสิ่งแปลกปลอม… ต่อให้กลางจริง กลางซ้าย กลางขวา มาขวางทางถูกแม่งซัดก่อน
สงคราม ปลุกด้านมืด ความสุดขั้วของมนุษย์ออกมาห้ำหั่น …
เวลาคนสวมแว่นสีเข้มคลั่งขึ้นมา เหลืองอ่อน แดงจาง กลางขาว มันกัดดะ คลั่งมันจำแนกไม่ออกหรอก”
ขอบคุณภาพและข้อมูลจากเฟซบุ๊ก Suvinai Pornavalai
