ต่อยตี สัประยุทธ์ ป้อมค่าย แตก ภายใน ‘พลังประชารัฐ’

จำเป็นต้องย้อนกลับไปยังสถานการณ์หลังเดือนเมษายน 2561 เป็นต้นมา จึงจะสามารถเข้าใจภาพแห่งการขัดแย้งภายในพรรคพลังประชารัฐได้ชัดกระจ่าง

1 ภาพการเดินเข้า-ออกทำเนียบรัฐบาล

ไม่ว่าจะเป็น นายสกลธี ภัททิยกุล ไม่ว่าจะเป็น นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ไม่ว่าจะเป็น นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

ท่านเหล่านี้เป็น “กปปส.” และเป็นอดีต ส.ส.กทม.

Advertisement

ขณะเดียวกัน 1 ภาพการเดินสายด้วยความคึกคักเป็นอย่างยิ่งของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในนาม “กลุ่มสามมิตร”

เหมือนกับจะจำลองมาจาก “ไทยซัมมิท” อันมีรากฐานของ “จึงรุ่งเรืองกิจ”

แต่ความเป็นจริงที่ได้รับการขยายด้วยปาก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ โยงไปยังผู้ใหญ่ที่เคยร่วมทำงานกันในยุคพรรคไทยรักไทยและปัจจุบันนั่งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล

Advertisement

นั่นคือองค์ประกอบของ 3 ส. อันเป็นที่มาของ “สามมิตร”

ลองไล่เรียงแต่ละภาพและนำมาต่อกัน จากกลุ่มอดีต ส.ส.กทม.ซึ่งเคยมีบทบาทใน กปปส.มายังการเดินสายของกลุ่มสามมิตร

ในที่สุดก็มารวมตัวกันภายใต้ธง “พลังประชารัฐ”

และเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมก็เห็น นายอุตตม สาวนายน เข้ามาเป็นหัวหน้าพรรค เห็น นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ เข้ามาเป็นรองหัวหน้าพรรค เห็น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เข้ามาเป็นเลขาธิการพรรค เห็นนาย กอบศักดิ์  ภูตระกูล เข้ามาเป็นโฆษกพรรค

อย่างที่เรียกตัวเองว่า “4 กุมาร”

เป็น 4 กุมารที่เดินออกมาจาก “ทำเนียบรัฐบาล” และเข้ามาอยู่ในสถานะเป็นผู้ถือธงนำในนามของพรรคพลังประชารัฐ

ก่อนมีเทียบเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ยิ่งมองยิ่งเห็นการเกาะเกี่ยวระหว่าง 1 ทำเนียบรัฐบาล 1 กลุ่ม 4 กุมาร 1 กลุ่มอดีต ส.ส.กทม.ซึ่งเคยเป็นแกนนำ กปปส. และ 1 กลุ่มสามมิตร

นั่นคือ “อดีต” แล้ว “ปัจจุบัน” เป็นอย่างไร

แม้ว่าไม่ว่ากลุ่มอดีต ส.ส.กทม.ซึ่งเคยเป็นแกนนำ กปปส. และไม่ว่ากลุ่มสามมิตรซึ่งเคยสังกัดพรรคไทยรักไทยจะมีจุดร่วมเดียวกัน

คือ เคารพ นับถือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

แต่ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับ ระยะห่างระหว่าง 2 กลุ่มนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แตกต่างกัน

ใครอยู่ใกล้ ใครอยู่ไกลรับรู้ด้วยภาษากาย

เห็นได้จากกลุ่ม กทม.มี ส.ส. 11 คน แต่ก็มีน้ำหนักและความเชื่อถือมากกว่ากลุ่มสามมิตรซึ่งมี ส.ส.กว่า 30 คน

เส้นทางของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน จึงระหกระเหิน

ที่สำคัญมือขวาอย่าง นายอนุชา นาคาศัย จึงถูกตัดทิ้งไปจากวงจร

สภาพการณ์ทางการเมืองเช่นนี้แม้จะมีความมั่นใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าสามารถบริหารจัดการได้

แต่ก็ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจ

ไม่มั่นใจว่า การดำรงอยู่ของ 30 ส.ส.ในกลุ่มสามมิตรจะยังเหนียวแน่นกับ 116 เสียงของพรรคพลังประชารัฐมากน้อยแค่ไหน เพียงไร

นี่ย่อมท้าทาย 11 ส.ส. กทม.เป็นอย่างสูง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image