‘พปชร.-บิ๊กตู่’ เฮ กกต.ยก 5 คำร้อง ชงชื่อนายกฯ จัดโต๊ะจีนแพงแต่ไม่หวังกำไร รอดยุบพรรค

‘พปชร.-บิ๊กตู่’ เฮ กกต.ยก 5 คำร้อง ทั้งปมชงชื่อนายกฯ ไม่เป็น จนท.รัฐ จัดโต๊ะจีนแพงแต่ไม่หวังกำไร รอดยุบพรรค

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ได้มีหนังสือลงวันที่ 26 มิถุนายน แจ้งผลการพิจารณายกคำร้องใน 5 ประเด็นที่เกี่ยวกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปยังนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเป็นผู้ร้องได้รับทราบ มีรายละเอียด 1.กรณีที่ขอให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีพรรคไม่เป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ข้อ 90 และข้อ 91 โดยนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า การลงมติเพื่อเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐดำเนินการโดยชอบแล้ว มีการเสนอชื่อ 3 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ และนายอุตตม สาวนายน โดยในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันที่พรรคพลังประชารัฐแจ้งรายชื่อบุคคลที่พรรคมีมติเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ กกต.นั้นมีหนังสือยินยอมของ พล.อ.ประยุทธ์ให้เสนอชื่อได้ ดังนั้น การเสนอชื่อดังกล่าวจึงเป็นไปตามข้อบังคับพรรคข้อ 90 และข้อ 91 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 มาตรา 13 และ 14 รวมถึงระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.2561 ข้อ 114 และ 115 แล้ว

2.กรณี พล.อ.ประยุทธ์เป็นข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐซึ่งต้องห้ามมิให้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่า กกต.มีมติไปแล้วว่าการประกาศชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯชอบด้วยกฎหมายและรัฐธรรมนูญมาตรา 88 และมาตรา 89 รวมถึง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.มาตรา 13 และ 14 แล้ว

3.กรณี พล.อ.ประยุทธ์เปิดเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม เว็บไซต์ เข้าข่ายเป็นเจ้าของกิจการสื่อ มีผลให้ต้องห้ามเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น กกต.มีมติแล้วว่ายังไม่ถือว่าเข้าข่ายเป็นเจ้าของกิจการสื่อมวลชน จึงไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170(4) ประกอบมาตรา 160(6) และมาตรา 98(3) รวมถึงมาตรา 264

Advertisement

4.กรณีพรรคพลังประชารัฐจัดกิจกรรมระดมทุนด้วยการขายโต๊ะจีนราคา 3 ล้านบาท ก็ไม่เข้าข่ายการแสวงหากำไรมาแบ่งปันกันแม้จะกำหนดราคาโต๊ะจีนสูงแต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้เข้าร่วมกิจกรรมระดมทุน โดยกฎหมายได้จำกัดวงเงินผู้สนับสนุนเอาไว้แล้ว กรณีดังกล่าวจึงไม่ใช่เป็นการขายสินค้าในลักษณะแสวงหากำไรมาแบ่งปันกัน ยังไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมือง

5.กรณีร้องว่านายอุตตม สาวนายน ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยยังไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เห็นว่า มีการปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดตั้งแต่การจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง จัดประชุมตั้งพรรคการเมืองในส่วนของผู้ร่วมกันจัดตั้งพรรค จากนั้นเมื่อสภาพนิติบุคคลเกิดขึ้นเมื่อนายทะเบียนตามรับการจดจัดตั้ง ก็มีการเปิดรับสมัครสมาชิกในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2561 โดยนายอุตตมได้ทำหนังสือแจ้งเรื่องการรับสมัครสมาชิกให้ กกต.รับทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 5 วัน เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 และในวันดังกล่าวนายอุตตมก็สมัครเป็นสมาชิกพรรคชำระค่าบำรุงตามที่กฎหมายกำหนด

ซึ่งสำนักงาน กกต.เคยตอบข้อสอบถามพรรคอนาคตใหม่ว่าผู้ที่เข้าชื่อร่วมกันขอจดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมืองและได้รับเลือกเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองจะเป็นสมาชิกต่อเมื่อได้ชำระค่าบำรุงพรรคแล้ว ดังนั้น การเป็นหัวหน้าพรรคของนายอุตตมจึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว และไม่เป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมืองแต่อย่างไร ทั้งนี้ นายทะเบียนพรรคการเมืองยังแจ้งว่า หากนายเรืองไกรมีพยานหลักฐานใหม่อันสำคัญแก่การพิจารณาซึ่งน่าจะทำให้ผลการพิจารณาของนายทะเบียนพรรคการเมืองเปลี่ยนแปลงไปสามารถแจ้งให้พิจารณาได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image