‘พิชัย’ แนะแบงค์ชาติลดดอกเบี้ยก่อนสหรัฐ ทำบาทอ่อนหนุนส่งออก ห่วงภาพลักษณ์ ครม.ยิ่งทำเศรษฐกิจทรุด

วันที่ 8 กรกฎาคม นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีเงินบาทแข็งค่ามากและมีแนวโน้มที่จะทะลุต่ำกว่า 30 บาทต่อ 1 เหรียญสหรัฐ ว่า อยากเรียกร้องอีกครั้งให้ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ และ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) พิจารณาลดดอกเบี้ย ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนลงเพื่อสนับสนุนการส่งออกที่มีแนวโน้มจะติดลบในปีนี้ เพราะครึ่งปีที่ผ่านมา การส่งออกติดลบแล้วกว่าร้อยละ 4 และยังไม่มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น

“แม้สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะเริ่มผ่อนคลาย อีกทั้งแม้ว่าตัวเลขการจ้างงานในสหรัฐจะดี ทำให้สหรัฐอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยเร็วนัก ประเทศไทยยิ่งน่าจะต้องลดก่อน เพราะถ้าไปลดดอกเบี้ยหลังสหรัฐลด ผลต่อค่าเงินบาทจะมีน้อยมาก นอกจากนี้การลดดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะจะช่วยลดต้นทุนของภาคธุรกิจ และลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของภาคครัวเรือน ทั้งนี้ อยากให้แบงก์ชาติได้คิดแผนและมีมาตรการล่วงหน้าไม่ใช่รอให้เกิดความเดือดร้อนแล้วค่อยมาคิดจะทำ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจไทยที่พัฒนาช้าอยู่แล้วจะยิ่งพัฒนาช้าลงไปอีก” นายพิชัย กล่าวและว่า การเปลี่ยนแปลงของโลกสมัยใหม่อาจจะต้องการให้ธนาคารกลางของทุกประเทศมีความฉับไวในการออกมาตรการเพื่อรับมือสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การรับมือเงินคริปโตสกุลลิบร้าของเฟซบุ๊กที่จะออกมา เป็นต้น

นอกจากนี้ นายพิชัย กล่าวว่า จากรายชื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามโผที่ออกมา ประชาชนส่วนใหญ่มีความกังวลว่าจะได้คุณภาพของบุคคลากรที่แย่กว่าเดิม และจะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของรัฐบาลแย่ลง ส่งผลถึงความเชื่อมั่นและจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจได้ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจที่คาดว่าจะเป็นคนเดิมยังเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง และค่าเงินบาทแข็ง แปลว่าเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ในขณะที่สื่อหลักต่างประเทศ เช่น ไฟแนนเชียลไทม์ เห็นตรงข้ามและวิจารณ์ว่าประเทศไทยยังเป็นคนป่วยของอาเซียนและจะยิ่งป่วยหนัก ซึ่งจากตัวเลขการส่งออกที่ติดลบหนักตลอดครึ่งปีแรก

“และการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำลงมากเหลือเพียงร้อยละ 3.1 หรืออาจต่ำกว่า คงจะบอกได้ว่าใครถูก ใครผิด หรือใครขี้โม้ โดยอยากให้นายสมคิด (จาตุศรีพิทักษ์) ไปศึกษาว่าในภาวะสงครามการค้า 5 เดือนแรกของปีนี้ เวียดนามกลับส่งออกไปสหรัฐเพิ่มร้อยละ 36 ไต้หวันเพิ่มร้อยละ 23 เกาหลีใต้ เพิ่มร้อยละ 12 นอกจากนี้ ยังจะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ที่ไม่มีผลงานเลยในอดีต ไม่ว่าจากที่เคยบริหารกระทรวงไอซีที ที่ไทยไม่มีบริษัท ยูนิคอร์น ทางเทคโนโลยีเหมือนประเทศอื่นๆ ในอาเซียน หรือ จากที่บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ที่การลงทุนหายไปมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้การส่งออกทรุดลงด้วย แล้วจะมาบริหารกระทรวงการคลังให้ดีได้อย่างไร ทั้งนี้ ยังไม่พูดถึงความไม่โปร่งใสในคดีปล่อยกู้ของธนาคารกรุงไทยที่มีลายเซ็นอนุมัติ แต่อ้างว่าคัดค้านโดยยังไม่ปรากฏหลักฐานการคัดค้าน แล้วจะอธิบายได้อย่างไร การที่ไม่โดนฟ้องไม่ได้แปลว่าไม่ผิด แต่อาจเกิดจากการช่วยเหลือกันเป็นการเฉพาะเหมือนที่นายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ตั้งข้อสังเกตก็เป็นได้” นายพิชัย กล่าว

Advertisement

นายพิชัย ยังกล่าวว่า มีรัฐมนตรีอีกหลายคนที่ยังสร้างความสงสัยให้กับประชาชน เช่น กระทรวงพลังงาน ที่เหตุใดต้องแย่งกัน กระทรวงอุตสาหกรรม ที่กลับคำจากที่เคยประกาศว่าจะไม่รับตำแหน่งก่อนการเลือกตั้ง และอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับธุรกิจของครอบครัวจากที่อ้างกันไว้เอง อีกทั้งข้อสงสัยในความรู้ความสามารถของ ครม. กระทรวงเศรษฐกิจทั้งหมด เป็นต้น ซึ่งไม่น่าจะแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจได้ และจะทำให้ประชาชนต้องทนกับความลำบากทางเศรษฐกิจไปอีกนาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image