บิ๊กตู่ เข้มดูแลธรรมกาย ลั่นยึดหลักผิดคือผิดแล้วสู้คดี อย่าทำตามคนขายที่หนีไปนอก

“ประยุทธ์” สั่งหน่วยงานความมั่นคง ดูแล “วัดพระธรรมกาย” ยกกรณี “ทักษิณ” หนีคดีเปรียบเทียบ “ธัมมชโย” ละเว้นดำเนินคดีไม่ได้

วันนี้ (2 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการพบการ์ดกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือ นปช.ที่วัดพระธรรมกาย ว่า ได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคงไปดูแล้ว แต่ไม่ใช่เวลาที่จะต้องให้นายกฯเข้าไปก้าวล่วงผ่านในของวัดพระธรรมกาย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ก็มีการเข้าออกกันไม่ได้อยู่แล้ว พระก็ไปไหนไม่ได้อยู่แล้ว เพราะท่านทำของท่านเอง

“เราไม่ได้ไปห้ามแต่ในเมื่อไม่มารายงานตัวก็ไปไหนไม่ได้ ขอร้องว่าอย่าไปฟังโลกโซเชียลมากนักว่าพระธัมมชโยจะอยู่หรือไม่อยู่ในวัด ถึงวันนี้ยังไม่มีรายงานเข้ามาว่าท่านหนี้ออกไปไหน แต่ถ้าจะหนีคงหนีออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เพราะตอนนี้ไม่เห็นมีใครออกมาได้ ก็เห็นพระท่านสวดมนต์ สวดพรกันอยู่ ยืนยันว่าผมไม่ได้ไปคุมอะไรเลย เพียงแต่ผมต้องการมาตรการคุ้มครองความปลอดภัยใน ส่วนของ นปช. ก็ต้องดูว่าเขาผิดหรือเปล่าเป็นผู้ร้ายหรือเปล่า เพราะถ้าไม่เป็นผู้ร้าย เป็นแค่ นปช. ก็เป็น นปช. ผมไม่ได้ไปรังเกียจอะไรเขา แต่ถ้าพกปืนเข้าออกก็ไม่ได้ ต้องถูกจับ ผมได้สั่งการให้ความมั่นคงไปหามาตรการในการควบคุมเข้าออก ว่าจะทำอย่างไรทั้งเรื่องการตรวจค้นอาวุธต่างๆ ให้ได้ก่อน เราต้องดูแลให้ประชาชนมีความปลอดภัย ทางวัดพระธรรมกายเล่นตั้งด่านตรวจความปลอดภัยบริเวณด้านใน เราจะไม่ไปดูแลเลยหรือ ผมก็กลัวว่าจะมีคนอื่นเข้ามาแทรกแซง เข้าไปข้างใน และป้ายความผิดมาที่ผมอีก จึงต้องมีการเตรียมตัวทั้งหมด เจ้าหน้าที่ทั้งหมดก็ห้ามพกปืน และอาวุธในบริเวณนั้น เราไม่อยากให้ใครไปทำให้เกิดเหตุลุกลามบานปลาย เหมือนปี 2553 อีก ขอให้ทุกฝ่ายคิดถึงตรงนั้น ความน่ากลัวมันถึงตรงนั้น ผมไม่ได้กลัวเขา แต่ผมห่วงประชาชนที่นั่งสวดมนต์อยู่ 2-3 พันคน ถ้าได้รับอันตรายเพียงคนเดียวใครจะเสียใจ พุทธศาสนาจะเสียหายหรือไม่”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอฝากไปถึงคนที่ต่อสู้ในวิธีการที่ไม่ถูกต้อง กฎหมู่มันอยู่เหนือกฎหมายไม่ได้ ถ้ารัฐบาลต้องการกู้สถานการณ์ ก็ต้องทำอย่างที่ตนทำ ถ้าปล่อยปะละเลยก็จะเป็นเหมือนดิม จะเกิดเรื่องนั้นเรื่องนี้ขึ้นมา เกิดปัญหาประชามติ พระก็เกิดปัญหา วันนี้เราสามารถผ่อนคลายไปได้มากแล้ว และไม่ใช่ผ่อนคลายเพราะมีแรงกดดัน แต่ผมดูแล้วว่าเรื่องไหนที่พอจะลดลงได้บ้างผมก็ลดให้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะยกเลิกให้ทั้งหมด เป็นไปไม่ได้ เพราะสถานการณ์ยังไม่เดินไปสู่ความปลอดภัย 100 % อย่างที่ทุกคนต้องการ ขอให้นึกถึงคนอื่นบ้างถ้าเราไปมัวให้ความสำคัญกับเรื่องเล็ก ๆ เรื่องของบุคคล เรื่องของกฎหมายต่อการกระทำความผิด เป็นบุคคลเป็นกลุ่มเล็ก ๆ แต่ทำให้ทุกคนทั้งประเทศเดือดร้อน ทำให้ต่างชาติกลับมามองประเทศไทยในเชิงเสียหาย มันจะใช่หรือไม่ เท่ากับทุกคนกลายเป็นเรื่องมือให้เขา ถ้าคดีนี้เราไม่ทำอะไรเลย ไม่ไปตรวจสอบ ไม่ให้มาสอบสวนก็จะถูกลากไปสู่คดีเดิมที่เขาหนีคดีกันอยู่ แกนนำบางคนออกมาพูดว่าคดีเล็กน้อยไม่เห็นจะต้องมาเข้มงวดนี่แสดงว่า เล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนกันหมดใช่หรือไม่ กฎหมายไม่ได้บัญญัติความแตกต่างว่าทำผิดน้อย หรือผิดมาก กฎหมายเขียนไว้ว่าผิดก็คือผิด แล้วให้มาต่อสู้คดี ไม่เช่นนั้นก็จะไปสู่คดีที่หนีออกไปต่างประเทศจากเรื่องขายที่ขายทาง เล็ก ๆ ที่นิดเดียว เขาต้องการอย่างนั้น ยังไปทำตามเขาอีก

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image