จับตาแคนดิเดต”กองทัพ” รองรับ”โรดแมป”-ประชามติ !!

นับจากนี้ไปเหลือระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน ใกล้จะถึงฤดูการโยกย้ายนายทหารประจำปี 2560 ช่วงเดือนตุลาคม ในปีนี้นายทหารระดับสูงในแต่ละเหล่าทัพ ทั้ง ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทหารบก และ ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ ถึงคราวที่จะต้องเกษียณอายุราชการ และว่างลงตามวงรอบประจำปี

เนื่องด้วยภาวะประเทศปัจจุบันอยู่ในสถานการณ์พิเศษ ที่ผ่านการบริหารงานโดย รัฐบาล และคณะรักษาความรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อันเป็นรัฐบาลที่มาจาก “ทหาร” เพราะฉะนั้นตำแหน่ง “ผู้บัญชาการการเหล่าทัพ” ล้วนเป็นกลไกส่วนราชการหลักที่สำคัญในการสนับสนุน และสานงานต่อให้กับรัฐบาล และ คสช.เป็นอย่างยิ่งในการบริหารประเทศ

ทั้งนี้ ปัจจัย 1.สถานการณ์ประเทศกำลังอยู่ในช่วงใกล้กระบวนการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 7 สิงหาคม หากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติจะมีการจัดทำกฎหมายลูก และเตรียมการเลือกตั้ง ขณะที่ปัจจัย 2.หากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทางรัฐบาล และ คสช.ย่อมต้องเตรียมรองรับสถานการณ์

เพราะฉะนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้การจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีครั้งนี้ เป็นที่สำคัญอย่างมาก พร้อมทั้งเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าการวางฐานอำนาจของรัฐบาล และ คสช. ผ่านกองทัพจะเป็นเช่นไร เพื่อรองรับการ “เปลี่ยนผ่าน” ประเทศให้เป็น “ประชาธิปไตย” และการเลือกตั้ง ปี 2560

Advertisement

เริ่มที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม “บิ๊กติ๊ก” พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม เตรียมทหารรุ่นที่ 15 (ตท.15) ที่มีสถานะเป็นน้องชายแท้ในสายเลือดของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถึงวาระที่ต้องเกษียณอายุราชการ โดยมี “บิ๊กช้าง” พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม “ตท.16” มีลุ้นขึ้นเป็นปลัดกระทรวง

ภายหลัง พล.อ.ชัยชาญ มักจะมีภารกิจและร่วมเดินทางกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่สม่ำเสมอ แต่อีกมุมหนึ่งตำแหน่งดังกล่าวเสมือนเป็นที่รองรับผู้ซึ่งผิดหวังจากการชิงตำแหน่ง “ผบ.เหล่าทัพ” จึงมีตำแหน่ง “ปลัดกระทรวงกลาโหม” เป็นตำแหน่งปลอบใจ

ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) “บิ๊กเต้” พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ตท.15 ที่เพิ่งจะได้รับตำแหน่งปีที่ผ่านมาจำต้องเกษียณอายุราชการ โดยแคนดิเดตที่น่าจับตามอง คือ “บิ๊กปุย” พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เสนาธิการทหาร “ตท. 16” อดีตเจ้ากรมข่าว อดีตเจ้ากรมยุทธการ ลูกหม้อกองทัพไทยมาโดยตลอด มิหนำซ้ำยังเป็นอดีตฝ่ายเสนาธิการ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบ.สส. ผู้ซึ่งวางรากฐานในบก.ทัพไทย

Advertisement

ดังนั้น จึงมีการวางไลน์ให้ พล.อ.สุรพงษ์ เข้ามาบริหารกิจการในกองทัพไทย แต่ที่น่าจับตาอีกคน ซึ่งมีกระแสข่าวเล็ดลอดออกมาว่า “บิ๊กแอ๋ว” พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) “ตท.16” ที่เคยเติบโต บก.ทัพไทยมาตลอดเช่นกัน อาจจะได้รับแรงผลักดันจากผู้ใหญ่ในรัฐบาลให้กลับมานั่งเก้าอี้ “ผบ.สส.” ถึงแม้เจ้าตัวจะจบนักเรียนนายร้อยฟิลิปปินส์ก็ตาม เรื่องนี้คงต้องรอลุ้นกันต่อไป

เขยิบมาที่เหล่าทัพฟ้า “กองทัพอากาศ” แม้ว่าจะเป็นเหล่าทัพที่ไม่ค่อยโดดเด่นเท่าใดนักในประเด็นทางการเมือง แต่ว่าซึ่งในวงรอบปีนี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ตท.14 ที่บริหารกิจการในทัพฟ้ามา 2 ปีต่อจาก “บิ๊กจิน” พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบ.ทอ. จะต้องเกษียณอายุราชการ ซึ่งแคนดิเดตในเหล่าทัพนี้ ได้มีการวางตัว “บิ๊กจอม” พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง เสนาธิการทหารอากาศ “ตท.16” มานานพอสมควร เพื่อก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำใน ทอ. ในการพัฒนากองทัพอากาศให้มีความทันสมัย มีศักยภาพ มีความพร้อมรบ ด้วยการจัดซื้อ เฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินขับไล่ชนิดกริพเพน จากประเทศสวีเดน มาเสริมศักยภาพด้านการรบ และช่วยเหลือประชาชน

ส่วนม้ามืดที่ “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.อ.สุทธิพันธ์ กฤษณคุปต์ ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพอากาศ “ตท.16” ที่คน ทอ.ว่ากันว่า มีลุ้นอยู่ลึกๆ เช่นกัน

ส่วนไฮไลต์ หนีไม่พ้น “กองบัญชาการกองทัพบก” (บก.ทบ.) หน่วยทหารที่มีความสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ประกอบกับสถานการณ์พิเศษในยุค “คสช.” เช่นนี้ กองทัพบก เสมือนเป็นขุมกำลัง และฐานอำนาจอย่างยิ่งต่อการบริหารประเทศของรัฐบาล และคสช. ตามกรอบโรดแมป เพราะตำแหน่ง “ผบ.ทบ.” ไม่ได้มีสถานะเป็นผู้นำกองทัพอย่างเดียว แต่อีกบทบาทหนึ่งยังสวมหมวกเป็น เลขาธิการ คสช. (ลธ.คสช.) และผู้บัญชาการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.). โดยตำแหน่งอีกด้วย ในการดูแลรักษาความสงบของประเทศทั้งหมด

ดังนั้น ใครก้าวผงาดขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ.จึงน่าสนใจ และน่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะว่า ในปีนี้ “บิ๊กหมู” พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก “ตท.14” จะเกษียณอายุราชการ โดยคู่แคนดิเดต ชิง “ผบ.ทบ.” คงไม่ผิดไปจาก “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก “ตท.16” กับ “บิ๊กแกละ” พล.อ.พิสิทธิ์ สิทธิสาร เสนาธิการทหารบก “ตท. 17” แม้ว่า พล.อ.เฉลิมชัย จะเป็นนายทหารหมวกแดงที่เติบโตมาจาก “หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ” โตในดงเหล่า “บูรพาพยัคฆ์” ในตำแหน่ง ผช.ผบ.ทบ. ทว่า พล.อ.เฉลิมชัย ก็มีสิทธิ์ ทั้งยังเป็นความหวังหนึ่งของพวกรบพิเศษอีกด้วย

เพราะนับตั้งแต่สมัย “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก้าวขึ้นมาเป็น ผบ.ทบ. หลังจากนั้นเป็นเวลา 10 ปีนายทหารสายรบพิเศษไม่ได้ขึ้นมีบทบาทนำในกองทัพบกเลย ทว่า ณ ตอนนี้มีกระแสข่าวว่า พล.อ.เฉลิมชัย ได้แรงผลักจากผู้ใหญ่หลายคน โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ ที่ให้ความไว้วางใจ ด้วยมาดที่นิสัยที่นิ่งๆ สุขุม เงียบๆ

ขณะที่ พล.อ.พิสิทธิ์ ถือเป็นนายทหารสายเลือดบูรพาพยัคฆ์ ที่เป็นน้องเลิฟของ พี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร โดยแท้ มีสิทธิ์และมีศักดิ์ที่จะเป็น ผบ.ทบ.ได้ อย่างไรก็ตาม การจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี ต้องพิจารณาไปตามหลักการคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ มีความสามารถมีประสบการณ์และภาวะความเป็นผู้นำ ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการเหล่าทัพ แต่อีกมุมหนึ่งคนที่จะขึ้นมาได้ก็ต้องมีดวง และมีผู้หลักผู้ใหญ่คอยช่วยสนับสนุนด้วยเช่นกันถึงจะก้าวมาสู่จุดนั้นได้

นอกจากนี้ ยังมีข่าวว่า บุคคลที่จะเกษียณทั้ง นายทหารตัวย่อ ธ. และ ก. ที่ถูกตีความว่า พล.อ.ธีรชัย และ “บิ๊กโชย” พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก จะได้เข้ามาเป็นรัฐมนตรีใน “ครม.ตู่ 3” เพื่อมาช่วยงานด้านความมั่นคง ป่าไม้ ปราบผู้มีอิทธิพล อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ออกมาหยุดกระแสข่าวดังกล่าวว่า “ยังไม่มีการปรับ ครม. ทั้งสิ้น ท่านนายกฯ ทำงานอย่างเดียวอยู่แล้ว ท่านยังไม่ได้พูดกับผมเลย ส่วนคนที่เกษียณแล้วก็กลับบ้านไป อย่างผม 10-11 ปี ที่แล้วก็กลับบ้าน”

ทว่าทั้งหมดทั้งมวลต้องอยู่ที่การตัดสินใจของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ กับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร ว่าจะตกลงปลงใจคัดเลือกใครขึ้นมาเป็นผู้นำเหล่าทัพ และ ปรับเลือกใครเข้า “ครม.ตู่ 3” เพื่อทำงานช่วยรัฐบาล ขับเคลื่อนประเทศในช่วงเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาธิปไตย ต้องคอยลุ้นกันต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image