ขณะที่ด้านหนึ่ง รัฐบาลจำกัดเวลาการประชุมรัฐสภาแถลงนโยบายอยู่ที่ 2 วันระหว่างวันที่ 25-26 กรกฎาคม แต่ด้านหนึ่ง ฝ่ายรัฐบาลยืนยันว่ามี 70 คนของรัฐบาลแสดงความจำนงจะอภิปราย
ถามว่าจะจัดสรรปันส่วนอย่างไรระหว่าง รัฐบาล ส.ว.และฝ่ายค้านภายในเวลา 30 ชั่วโมงของการอภิปราย
เพราะเวลาของนายกรัฐมนตรีก็ไปแล้วร่วม 2 ชั่วโมง
เพราะเฉพาะรัฐมนตรีอันเป็นเป้าหมายที่จะต้องอภิปรายพาดพิงระหว่างนโยบายกับตัวบุคคลเฉพาะที่พรรคเพื่อไทยแถลง ออกมาก็มีแล้ว 14 คน
ทั้งหมดนี้มิได้เป็นภาระในความรับผิดชอบของรัฐบาลและฝ่ายค้านเท่านั้น
ที่สำคัญคือ “ประธาน”ในที่ประชุม
ในห้วงจากเดือนมิถุนายนมาจนถึงเดือนกรกฎาคมของการประชุมทั้งประชุมรัฐสภา ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ประชุมวุฒิสภา ประชาชนมองเห็นภาพของรัฐสภาได้ค่อนข้างแจ่มชัด
แจ่มชัดว่าลักษณะของการอภิปราย”ทั่วไป”และโน้มเอียงไปในทางแสดงความไว้วางใจและไม่ไว้วางใจเริ่มปรากฏ
รูปธรรมที่รับรู้โดยทั่วไป คือ บรรยากาศในที่ประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ก่อนมีการขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีการถ่ายทอดบรรยากาศสดๆอันเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในที่ประชุม
และมีผู้ติดตามชมเพจของ “รัฐสภา” เป็นจำนวนนับล้าน
ไม่เพียงแต่จะมีเพจของรัฐสภาเป็นรากฐาน หากยังมีการถ่ายทอดไปตามเพจต่างๆ อีกอย่างคึกคัก จากจำนวนล้านอาจเพิ่มเป็นหลายล้าน
นี่คือปรอทสะท้อนอุณหภูมิความสนใจในทางการเมือง
แม้ซีกทางด้านรัฐบาลจะพยายามจำกัดกรอบของเวลาให้เหลือเพียง 2 วัน โดยที่ฝ่ายค้านก็มิได้แสดงปฏิกิริยาคัดค้าน แต่ก็มีความเชื่อว่าเวลาเพียง 2 วันไม่น่าจะเพียงพอ
คนที่จัดเจนระดับ นายชวน หลีกภัย สามารถสำเหนียกรู้ได้ อย่างดีที่สุด
ความเป็นไปได้คือจะต้องขยายเพิ่มอีก 1 วันแน่นอน
ปมเงื่อนอยู่ที่ว่าวิปแต่ละฝ่ายจะทำอย่างไร จะประนีประนอม และยอมรับต่อสภาพความเป็นจริงหรือไม่