ความคิดที่แยกเรื่อง “เศรษฐกิจ” ออกมาเป็นเรื่องหนึ่ง แยกเรื่อง “การเมือง” ออกมาเป็นเรื่องหนึ่ง แยก “วัฒนธรรม” ออกมาเป็นเรื่องหนึ่ง
เป็นความคิดในเชิง “ตัดตอน”
ความคิดในแบบนี้มิใช่จะสะท้อนออกเมื่อมีการกำหนดและเขียนออกมาเป็น “นโยบาย” ตรงกันข้าม มีการสำแดงออกอย่างต่อเนื่อง
เหมือนกับจะเป็นคนละเรื่อง
อย่างเช่นที่มี ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ อุปมาว่ามีบ้านประชาธิปไตยสวย แต่คนที่อยู่ในบ้านอดอยาก ลำเค็ญ
นั่นแหละตัวจริงของการแยกส่วนมองไม่เห็น “องค์รวม”
พรรคการเมืองหนึ่ง นักการเมืองหนึ่ง จำเป็นต้องมองสรรพสิ่งอย่างเห็น “ทั้งหมด” จากนั้นจึงค่อยจำแนกออกมา แล้วมองส่วนย่อยอย่างสัมพันธ์
หากไม่เข้าใจตรงนี้ก็ยากที่จะมองเห็นเรื่องย่อย เรื่องใหญ่
ถามว่าปัญหา “ภัยแล้ง” ที่กำลังประสบทั้งในภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันตก ภาคตะวันออกและภาคใต้ในขณะนี้เป็นปัญหาอะไร
เป็นปัญหาของดินฟ้าอากาศอย่างนั้นหรือ
อาจใช่ แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัญหาของดินฟ้าอากาศในโลกยุคใหม่ดำรงอยู่ภายใต้การบริหารจัดการหากมีประสิทธิภาพก็ผ่อนหนักเป็นเบา
หากไม่มีประสิทธิภาพที่เบาก็อาจกลายเป็นหนัก
ความจริง ภายหลังสถานการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปลายปี 2554 เคยมีความพยายามตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำขึ้นมา
นายปลอดประสพ สุรัสวดี อาจตอบได้ว่าเป็นอย่างไร
นั่นก็คือ การนำการเมืองมาบรรเทาเบาบางปัญหาในทางธรรมชาติ ไม่ว่าน้ำท่วม หรือฝนแล้ง แต่มิอาจขับเคลื่อนไปได้ก็เพราะการเมืองอีกนั่นแหละทำให้ชะงักงัน
เห็นหรือไม่ว่า “ปัญหา” แท้จริงมาจากไหน
การประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาและอภิปรายนโยบายของรัฐสภาจึงเป็นวาระสำคัญที่จะแสดงให้เห็นถึงการยึดโยงระหว่าง การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม
ต้องตี “ความคิด” อันเป็น “ใจกลาง” ให้กระจ่าง
ที่นักสังคมวิทยาระบุทฤษฎีสิ่งแวดล้อมมีผลต่อความคิด ที่นักปรัชญาสรุปรวบยอดว่า การดำรงอยู่ในทางเศรษฐกิจกำหนดการเมือง วัฒนธรรม
หากจำแนกแยกแยะให้เป็นก็จะประจักษ์
ประจักษ์ว่าฐานในทางความคิดที่รัฐบาลเสนอเป็น “นโยบาย” สะท้อนอะไร ประจักษ์ว่าท่าทีของพรรคฝ่ายค้านต่อกระบวนการจัดการ “นโยบาย” ของรัฐบาลสะท้อนอะไร
มี “กึ๋น” แค่ไหน ไม่สามารถ “ปิด” ได้
การตีให้แตก แยกให้ประจักษ์ มองนามธรรมอย่างทะลุไปถึงรูปธรรมจึงวัดให้เห็นถึงความลึกบางในทางความคิดและปัญญา
ไม่อาจรอดพ้นไปจากสายตาประชาชน
การประชุมระหว่างวันที่ 25 ถึง 26 กรกฎาคม จึงเป็นโรงเรียนการเมืองอย่างมีนัยสำคัญสะท้อนให้เห็นโฉมของการเมืองเก่ากับการเมืองใหม่
เส้นแบ่งมิได้อยู่ที่ “อายุ” มิได้อยู่ที่ “วัย”
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากอยู่ที่ “ความคิด” อยู่ที่วิธีวิทยาและกระบวนการในการสังเคราะห์จำแนกแยกแยะ ลำดับเรียงเรื่องราว
สร้างความกระจ่าง ณ เบื้องหน้าประชาชน