“วิษณุ” ชี้ ฝ่ายค้านอภิปรายคุณสมบัติ“บิ๊กตู่” ได้ แม้ศาลรับคำร้องแล้ว แต่ต้องระมัดระวังถ้อยคำ

“วิษณุ” ชี้ ฝ่ายค้านอภิปรายคุณสมบัติ “บิ๊กตู่” ได้ แม้ศาลรับคำร้องแล้ว แต่ต้องระมัดระวังถ้อยคำ ระบุ ฝ่ายค้านพยายามเขียนเสือให้วัวกลัว เชื่อ รัฐบาลผ่านได้ บอกถ้าไม่อยากให้ส.ว.ลุกตอบ ฝ่ายค้านก็อย่าถามเรื่องในรัฐบาลเก่า

เมื่อวันที่ 09.00 น. วันที่ 23 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องกรณีฝ่ายค้านยื่นสอบคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นบุคคลมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ จะทำให้ฝ่ายค้านต้องระมัดระวังในการอภิปรายพาดพิงหรือไม่ ว่า เขาอภิปรายได้ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้ถ้อยคำ ซึ่งเขาคงทราบแล้ว เพราะเห็นข่าวที่เขาบอกว่าต้องมีการเปลี่ยนท่าทีในการพูด ซึ่งถ้าพูดเป็นก็พูดได้ เพราะต้องเข้าใจว่าคดีไปอยู่ในศาลแล้ว และศาลให้นายกฯให้การต่อภายใน 15 วัน ซึ่งตนไม่ทราบในรายละเอียดของคำชี้แจง เพราะไม่ได้เป็นทำ เว้นแต่จะมีการมอบหมายมา อย่างไรก็ตาม คงไม่ใช่เรื่องของการหมิ่นหรือไม่หมิ่นศาล แต่เป็นเรื่องของความเหมาะควร แม้แต่รัฐบาลเวลาจะชี้แจงก็ต้องระมัดระวัง แต่ส่วนใดที่แยกแยะได้ว่าเมื่อลุกขึ้นพูดแล้วเป็นเท็จ มีความคลาดเคลื่อน ก็ต้องชี้แจง ไม่ถือเป็นการชี้นำศาล จะนั่งแบ๊ะๆไม่พูดอะไรเลย เอาไว้พูดกับศาลก็คงไม่ได้ เพราะคนได้ยินไปทั่วประเทศ สิ่งนั้นมันติดหูคนไปแล้ว ทั้งหมดจึงเป็นเรื่องของกาลเทศะ

ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐบาลได้พูดคุยกันถึงความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลอย่างไรบ้าง รองนายกฯกล่าวว่า ไม่มีการคุยกันเลย หน้าที่รัฐบาลคือการชี้แจง นายกฯคงอ่านตัวนโยบายทั้ง 35 หน้าเรียบร้อยแล้วใครอยากถามอะไรก็ถาม เราจะไปเตรียมอะไรได้ หากต้องเตรียมตอบคำถามคงเป็นแค่รัฐมนตรีบางคนที่ถูกพาดพิงเรื่องคุณสมบัติส่วนบุคคล ถ้าไม่เตรียมไว้อาจตอบไม่ถูก ส่วนนโยบายนั้นร่างมาด้วยกันคงไม่ต้องเตรียมอะไรมาก อย่างไรก็ตาม อาจต้องเตรียมห้องสำหรับเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะปลัดกระทรวง ที่ต้องชี้แจง เนื่องจากสถานที่ของทีโอทีอาจจะไม่สะดวก

เมื่อถามว่า ได้รับมอบหมายให้ชี้แจงในประเด็นข้อกฎหมายที่นายกฯถูกพาดพิงหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีใครมอบหมาย แต่ในฐานะเป็นหนึ่งในคณะรัฐมนตรี(ครม.) หากมีอะไรที่สามารถพูดหรือทำความเข้าใจได้ก็ยินดี เพราะการอภิปรายนโยบายรัฐบาล ไม่เหมือนอภิปรายไม่ไว้วางใจ เนื่องจากรัฐธรรมนูญระบุว่าครม.ต้องรับผิดชอบร่วมกันในนโยบายที่แถลงต่อสภา ยิ่งเมื่อมีการอภิปรายคุณสมบัตินายกฯ ก็กระทบต่อรัฐมนตรีทั้งหมด เพราะถ้านายกฯพ้นจากตำแหน่ง ครม.ก็พ้นด้วย เป็นส่วนได้เสียร่วมกัน ส่วนตนจะช่วยชี้แจงในประเด็นใด ต้องดูเนื้อหาสาระและกาลเทศะ ซึ่งตนเห็นด้วยกับความเห็นของนายวีระกร คำประกอบ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ที่บอกว่าจะมีทีมปะฉะดะเพื่อโต้ตอบ แต่ต้องดูจังหวะเวลา ถ้าเนื้อเรื่องพอจะทนกันได้ก็แล้วไป อย่าพูดอะไรมากให้เสียเวลา แต่หากพูดแล้วทำให้คนเข้าใจผิดและเกิดการจดจำ จะทำให้เกิด Perception คือเมื่อเข้าใจว่าอย่างไรก็ลบออกยาก อย่างนี้ต้องรีบแก้ไข ซึ่งหลักการเหล่านี้หากทำได้จริงก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง หากในสภามีคนพูดและมีคนย้ำ คนฟังทางบ้านอาจรู้สึกว่าเรื่องนี้ท่าจะจริง เพราะทฤษฎีคนไทยมีอยู่ว่าถ้าไม่จริงก็ต้องเถียงหรือปฏิเสธ การนิ่งถือว่ายอมรับ

Advertisement

เมื่อถามถึงกรณีที่ส.ว.ช่วยรัฐบาลชี้แจงได้ นายวิษณุกล่าวว่า “ต้องเริ่มต้นว่าคุณซักถามเรื่องในรัฐบาลเก่าได้หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ก็ไม่มีใครลุกขึ้นแจงได้ แต่ถ้าได้ก็ต้องมีคนตอบ เพราะคุณฟื้นความหลังไปแล้ว และส.ว.บางคนก็เคยเป็นคนทำงานในรัฐบาลเก่า จะให้รัฐมนตรีคนใหม่ตอบคงตอบไม่ถูก ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้ตอบก็อย่าถาม ถ้าถามเรื่องในอนาคต ใครจะบังอาจช่วยตอบได้”

เมื่อถามว่า ประเมินว่าแถลงนโยบายครั้งนี้จะดุเดือดหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า บรรยากาศดูประหนึ่งว่าน่าสะพรึงกลัว แต่ตนอยู่ในช่วงที่มีการแถลงนโยบายรัฐบาลมาแล้ว 12 ครั้ง ตอนแรกก็อึกทึกครึกโครมดูน่ากลัว แต่ไม่มีอะไร ผ่านไปได้ เพราะทุกอย่างมีกรอบอยู่

“ตอนนี้เป็นการทำให้ประหนึ่งว่าน่าสะพรึงกลัวเข้าไว้ เรียกว่าข่มขวัญ ตัดไม้ข่มนาม เขียนเสือให้วัวกลัว อย่างไรก็ตาม ผมไม่ได้บอกว่าไม่กลัว แต่ไม่ประมาทและระมัดระวังเท่านั้น” นายวิษณุกล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า จะสังกัดพรรคการเมืองใดหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายวิษณุกล่าวว่า “ไม่ครับ ส่วนนายกฯก็แล้วแต่ท่าน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image