ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 62 นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.เขต 3 จ.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความบนทวิตเตอร์ เกี่ยวกับ แนวทางการอภิปรายนโยบายรัฐบาล โดยระบุไว้ 7 แนวทาง ประกอบด้วย
(1)ผมตั้งใจจะอภิปรายนโยบายรัฐบาล ในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็น 1 ใน 3 เงื่อนไขของการเข้าร่วมรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ ของพรรคประชาธิปัตย์ และเชื่อว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือกุญแจที่ปลดล็อคการเมืองของประเทศ และนำประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตยเต็มใบเสียที
(2)แต่เมื่อในที่ประชุมวิปรัฐบาลมีมติ แบ่งเวลาให้พรรคประชาธิปัตย์ แค่ 1 ชม. คงยากที่จะให้ ส.ส.ของพรรคที่แสดงเจตจำนงค์เพื่อขออภิปรายในนโยบายด้านต่างๆเกือบ 30 คน เฉลี่ยแล้วได้อภิปรายคนละ 2-3 นาที คงจะทำให้การอภิปรายได้เนื้อหาที่ไม่สมบูรณ์ เพียงแค่รายงานตัวและกล่าวคำอารัมภบทก็หมดเวลาแล้ว
(3)ผมจึงได้สละสิทธิ์การอภิปรายในสภา แต่ขอสงวนสิทธิ์ที่จะเปิดอภิปรายใน facebook live ของตนเอง เชื่อว่าสามารถใช้เวลาได้เต็มที่ และจะไม่เบียดบังเวลาของที่ประชุมสภาอีกด้วย ส่วนตัวเห็นว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ ควรจะอภิปรายนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ใน3ประเด็นที่เป็นเงื่อนไขการเข้าร่วมรัฐบาล
(4)มีหลายประเด็นที่น่าสนใจอภิปราย เช่น เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นปัญหาการเมืองที่ใหญ่ที่สุด ต้องขอความชัดเจนจากรัฐบาลว่า มีความจริงใจในการแก้ไขแค่ไหน มีขั้นตอนและแนวทางแก้ไขอย่างไร จะใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ทันกับอายุของรัฐบาลชุดนี้หรือไม่ จึงต้องให้รัฐบาลตอบในสภาเพื่อเป็นคำสัญญา
(5)ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ ปากท้องของประชาชน นับว่าเป็นปัญหาที่สำคัญที่สุด รัฐบาลมีแนวทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้อย่างไร ได้ใช้นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ เรื่องการประกันรายได้เกษตรกรหรือไม่ และจะใช้นโยบายไหนเป็นหลักในการแก้ปัญหา เพราะ พปชร.ยังยึดนโบายยางพารา กก.65 ปาล์ม กก.5บาท
(6)สำหรับนโยบายการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่เป็นมะเร็งร้ายของสังคม รัฐบาลชุดนี้จะจริงจังมากน้อยแค่ไหน ถ้าหัวไม่ส่ายหางก็ต้องไม่กระดิก ต้องจริงจังกับการเอาคนโกงมาลงโทษ อย่าแก้ปัญหาแบบเข้มงวดกับคนอื่นแต่ผ่อนปรนกับพวกพ้อง จะสร้างความเสียหาย รัฐบาลต้องชัดเจนในเรื่องนี้
(7)ผมเสียดายโอกาส ที่จะทำหน้าตัวแทนของประชาชนให้เต็มความสามารถ ตามความตั้งใจไว้ จึงอยากให้ทุกท่านติดตามคำอภิปรายนอกสภาของผมในโอกาสต่อไป เพราะเชื่อว่าในสังคมยุคโซเชี่ยลมีเดีย ไม่มีอะไรปิดกั้นการแสดงออกและการสื่อสารระหว่างตัวแทนประชาชนกับพี่น้องประชาชนเจ้าของประเทศได้
