‘ชวลิต’ ตีแสกหน้า ‘รัฐบาลบิ๊กตู่’ ซุกงบกลาง 5 หมื่นล.ในเงินสำรองจ่าย-เย้ยไร้จุดยืนแก้รธน.

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่หอประชุมทีโอที ถ.แจ้งวัฒนะ การประชุมรัฐสภา โดยมี นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม เพื่อพิจารณาวาระแถลงนโยบายรัฐบาลในวันที่ 2

เวลา 11.00 น. นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ได้อภิปราย โดยตั้งประเด็นซักถามว่า กรณีได้ส่งรัฐมนตรีไปเป็นหัวหน้า และคนหนึ่งเลขาธิการพรรค เป็นการสะท้อนความคิดสืบทอดอำนาจหรือไม่ การใช้ชื่อนโยบายประชารัฐของรัฐบาล เป็นชื่อพรรค เป็นส่วนหนึ่งทอดอำนาจหรือไม่ และนโยบายบัตรประชารัฐ ทำไมรัฐบาลต้องอัดเม็ดเงินลงไปก่อนเลือกตั้งไม่กี่วัน หาเสียง เอาเปรียบกันหรือไม่ ที่บอกไม่ดำเนินการเสียวินัยการคลัง แต่ทุ่มเทนโยบายประชานิยมในบัตรประชารัฐ นับแสนล้าน เสียวินัยการคลังหรือไม่

และที่ชัดๆ อีกประเด็นหนึ่ง ที่คนทั่วไปไม่ทราบ นำงบมาใช้โดยไม่มีแผนงาน ไม่ผ่านสภา มาแฝง พ.ร.บ.งบประมาณ 2561 ผ่าน สนช.อย่างเงียบ ๆ ประกาศราชกิจจาฯ 11 พ.ย. 2561 บัญญัติในมาตรา 45 สามารถให้ครม.ใช้ “เงินสำรองจ่าย” 5 หมื่นล้าน ที่ผ่านมาทุกรัฐบาลมีงบกลาง แต่รัฐบาลนี้ใช้งบกลางอย่าง ปี 2558 ใช้งบ 3.7 แสนล้าน 2559 ใช้งบสี่แสนล้านกว่า ปี 2560 จำนวน 4 แสนล้าน ปี 2561 ใช้งบ 3.9 แสนล้าน และ ปี 2562 จำนวน 4.6 แสนล้าน

“ถ้ายอมบ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย จะไม่มีพรรคการเมืองใดยินยอมเอางบไปใช้โดยไม่ผ่านสภา โดยไม่มีแผน ไม่มีโครงการ 5 หมื่นล้าน ซึ่งอดีตนายกฯชวน หลีกภัย กล่าวเสมอว่า ยึดมั่นในรัฐสภา ถ่วงดุลฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จะตัดมาตรา 45 ไปได้หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ได้จะเสนอพรรคเพื่อไทย โดยตัดมาตรานี้ออกไป” นายชวลิตกล่าว

Advertisement

นายชวลิตกล่าวว่า ปัญหาความเชื่อมั่นทางการเมือง มี 2 ประเด็นแก้ไข 1.รัฐธรรมนูญ ต้องแก้ ดูจากทุกโพลเห็นว่าจำเป็นแก้ มีวลีเคยกล่าว “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาเพื่อพวกเรา” “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกแบบมาพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ” จากวลีดังกล่าว รัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เป็นกลาง เอาเปรียบสารภาพในการเลือกตั้ง เมื่ออ่านนโยบายรัฐบาล บอกว่าแก้แล้วอยู่ในข้อที่ 12 ของนโยบายรัฐบาลนั้น ใครก็รู้ว่าให้แบบเสียไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าใครถูกหลอกหรือไม่ หรือรู้ว่าหลอก แต่เต็มใจให้หลอกในการเข้าร่วมรัฐบาล

“มีนักข่าวถาม พล.อ.ประยุทธ์ว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่งยื่นเงื่อนไขเข้าร่วมรัฐบาล แก้ไขรัฐธรรมนูญ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวสั้นๆ “ผมไม่มีจุดยื่นแก้รัฐธรรมนูญ เป็นเรื่องตามกระบวนการ” จึงไม่แน่ใจว่า นโยบายรัฐบาลข้อ 12 จะประสบความสำเร็จหรือไม่” นายชวลิตกล่าว

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงนโยบายต่อรัฐสภา โดยตอบประเด็นเรื่องวินัยการเงินการคลังของรัฐบาลชุดนี้ว่า จากการอภิปรายที่ผ่านมาทราบว่าหลายคนให้ความสนใจถึงวินัยการใช้เงินงบประมาณ ตนอยากจะชี้แจงว่า ประการแรกคือเรื่องการตั้งงบ 4 แสนล้านบาท ในส่วนนี้เป็นงบกลางฉุกเฉิน ซึ่งแบ่งเป็นการบริหารกว่า 11 รายการ อาทิ เงินบำเหน็จ หรือค่ารักษาพยาบาล ซึ่งจริงๆ แล้วรวมงบที่ต้องใช้เพียง 1 แสนล้านบาท ประการที่สองคือเรื่อง พ.ร.บ.ว่าด้วยงบประมาณ ซึ่งในมาตรา 45 พูดถึงงบประมาณ 5 หมื่นล้าน ซึ่งเงินทุนดังกล่าวเรียกว่า ทุนสำรองจ่าย ที่เตรียมไว้ใช้ในเหตุจำเป็นหรือฉุกเฉินเท่านั้น การจะใช้ในแต่ละครั้งต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งที่ผ่านมายังไม่เคยนำเงินส่วนนี้ออกไปใช้ ประการที่สามคือ เรื่องการตั้งงบประมาณขาดดุล การตั้งงบประมาณขาดดุลนี้รัฐบาลพิจารณาจากสถานการณ์ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจและความจำเป็นและสอดรับกับยุทธศาสตร์ ที่ผ่านมาเราใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนให้เติบโต ยกตัวอย่างเมื่อปี 2557 เราได้ใช้งบประมาณขาดดุลจนทำให้เศรษฐกิจขยายตัวในปี 2560

Advertisement

นายอุตตม กล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่สำคัญคือ รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นกับประชาชน โดยให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ เช่น ธนาคารออมสิน หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ส่วนแหล่งเงินทุนด้านอื่นเช่น นาโนไฟแนนซ์ ที่จะมาเป็นผู้ให้สินเชื่อรายใหม่แต่ก็ยังอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล อีกทั้งยังให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลด้านการลงทุนหรือบิ๊กดาต้าให้ง่ายขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องหนี้ครัวเรือน อยากจะแจ้งว่า ตัวเลขส่วนนี้เติบโตตามเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนของไทยเป็นหนี้ที่ก่อให้เกิดรายได้ แต่รัฐบาลก็ยังไม่วางใจในเรื่องนี้ จึงต้องดูแลการก่อหนี้อย่างครบวงจร สถาบันจัดอันดับสากล โดย Moody’s Investor Service และ Fitch (Fitch Ratings (Thailand) Ltd.) ได้ปรับอันดับความน่าเชื่อถือของไทยว่ามีแนวโน้มไปในเชิงบวก สะท้อนว่าวินัยการเงินการคลังยังดีอยู่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image