ภาวะ อารมณ์ : ประยุทธ์ จันทร์โอชา : ทาง การเมือง

ในฐานะนักการทหาร ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ย่อมมองออก

เพียงแต่จะ “เข้าใจ” อย่างไร

เข้าใจว่าเป็น “ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิม” หรือเป็น “ล่อเสือออกจากถ้ำ” หรือ “โยนกระเบื้องล่อหยก” หรือ “กวนน้ำจับปลา”

หรือ “ยืมทาง พรางกล”

Advertisement

รู้ทั้งรู้ว่า เป้าหมายแท้จริงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกเสียจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้วเหตุใดจึงปล่อยให้สถานการณ์อยู่ในมือของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย

ทั้งๆ ที่ในความเป็นจริง นี่คือจุดอ่อน

นักการเมืองระดับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ตระหนักหรือ นักการเมืองระดับ นายวีระกร คำประกอบ ไม่เกิดความเฉลียวหรือ

Advertisement

ทำไมจุดอ่อนคือ นายพรเพชร วิชิตชลชัย

จะตอบคำถามนี้ได้ จำเป็นต้องเข้าใจรากและฐานที่มาทางการเมืองของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าดำเนินมาอย่างไร

จาก “ผู้พิพากษา” มาสู่ “การเมือง”

คำตอบก็คือ นายพรเพชร วิชิต ชลชัย เข้ามามีบทบาทเด่นชัด เด่นชัดมากยิ่งขึ้นเป็นลำดับหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

นั่นคือ ประธาน สนช.

จะเข้าใจว่าทำไม นายพรเพชร
วิชิตชลชัย จึงกลายเป็น “จุดอ่อน” ก็ต้องเข้าใจถึงลักษณะการสะสมทุนทางการเมืองอันมีพื้นฐานอยู่กับ สนช.

สนช.เป็นสภา “แต่งตั้ง”

ในเมื่อ สนช.สะสมความมั่นใจให้กับคนอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ย่อมสะสมความมั่นใจให้กับคนอย่าง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ด้วย

เมื่อเข้าสู่ “สภาเลือกตั้ง” ก็โป๊ะเชะ

หากประธานในที่ประชุมเป็น นายชวน หลีกภัย จะเกิดปรากฏการณ์อย่างที่เราเห็นในกลางดึกของคืนวันที่ 25 กรกฎาคม หรือไม่

ตอบได้เลยว่า ไม่

1 เพราะบารมีทางการเมืองที่อยู่ในสภามาตั้งเมื่อปี 2512 ขณะเดียวกัน 1 ผ่านทั้งตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและตำแหน่งประธานสภา

เป็นนายกรัฐมนตรีจาก “การเลือกตั้ง”

มิได้เป็นนายกรัฐมนตรีในแบบของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มิได้เป็นประธานสภานิติบัญญัติในแบบ นายพรเพชร วิชิตชลชัย

เมื่อ นายพรเพชร วิชิตชลชัย อยู่ในสถานะ “ประธาน”

การโจมตีรัฐประหาร การโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เหมือนหยิกเล็บแล้วเจ็บไปถึงเนื้อของ นายพรเพชร วิชิตชลชัย

กลยุทธ์ “ล่อเสือออกจากถ้ำ” ก็สำเร็จ

การเพลี่ยงพล้ำในทางการเมืองครั้งนี้จึงมิได้สาหัสเฉพาะ นายพรเพชร วิชิตชลชัย เท่านั้น หากแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็รับไปเต็ม-เต็ม

สัมผัสได้จากอาการ “ฟิวส์ขาด”

นี่เป็นจุดที่ 7 พรรคฝ่ายค้านรับรู้อยู่แล้วตลอด 5 ปีหลังรัฐประหาร เพียงแต่รอจังหวะเวลาอันเหมาะสมในการดึงออกมาให้เห็น

เห็นถึง “วุฒิภาวะ” ในทาง “อารมณ์”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image