บทนำ : ต้องปรับตัว

การประชุมรัฐสภาเพื่อรับฟังและอภิปรายการแถลงนโยบายของรัฐบาลใหม่ เมื่อวันที่ 25-27 ก.ค.ที่ผ่านมายังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงบทบาทของฝ่ายต่างๆ ทั้งรัฐบาล ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล ส.ว. และฝ่ายค้านในการประชุม มีการสำรวจความเห็นของประชาชนที่มีต่อการอภิปราย ให้คะแนนแต่ละฝ่ายว่าได้ทำงานของตนเองสำเร็จเรียบร้อยหรือไม่ ในภาพรวมถือว่า ในหมู่สมาชิกรัฐสภา และรัฐบาลเองบางส่วน ยังไม่เข้าใจ ไม่คุ้นชินกับการทำงานในระบบที่มีรัฐสภา มีสภาผู้แทนฯ มีการตรวจสอบ และเป็นระบบที่ต้องมีการพูดจา วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างตรงไปตรงมา หักล้างกันด้วยเหตุผล ข้อมูลและหลักการ ไม่ใช่สภาแต่งตั้งที่จะมาชื่นชม ถ้อยทีถ้อยอาศัยโดยปกปิดปัญหาของประชาชน หรือปัญหาของประเทศไว้

ในเรื่องบทบาทของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไฮไลต์ที่สังคมสนใจในการประชุมครั้งนี้ นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ให้ความเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ควรปรับเปลี่ยนตัวเอง ต้องระมัดระวังตัวเองให้มากขึ้น
โดยเฉพาะวิวาทะกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งตามหลักการทั่วไปของการประชุมสภา การทำงานในสภา การจะลุกขึ้นพูดก็ต้องได้รับการอนุญาตจากประธานสภาให้วินิจฉัยก่อน ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่คุ้นชินกับสภาที่มาจากการเลือกตั้ง ที่มีเล่ห์เหลี่ยมทางการเมือง ทางกฎหมาย การยั่วยุทางอารมณ์ หลากหลาย รูปแบบที่ไม่สามารถคาดเดาทิศทางได้ ต่างจากสมัยเป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.

สอดคล้องกับที่ นายกรัฐมนตรี ได้ให้สัมภาษณ์และกล่าวในที่ประชุมว่า กำลังปรับตัวให้เข้ากับระบบรัฐสภา ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี การปรับตัวไม่ใช่เพียงแค่ศึกษาและปฏิบัติตามระเบียบและมารยาทการประชุมเท่านั้น แต่ควรปรับความคิดด้วยว่า ข้อบังคับการประชุม และมารยาทการประชุม แท้จริงแล้ว คือระเบียบหรือกฎเกณฑ์ของการอยู่ร่วมกันอย่างมีกฎเกณฑ์ ให้เกียรติให้ความสำคัญกับความเห็นต่าง หาข้อสรุปที่ดีที่สุดจากข้อขัดแย้งหรือความเห็นต่าง ยอมรับเสียงข้างมากแต่ก็ไม่ละเลยเสียงข้างน้อย หากทุกฝ่ายยึดถือในแนวทางนี้ สภาผู้แทนฯ จะเป็นพื้นที่และสถาบันที่ให้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน และจะสร้างความมั่นคงให้กับระบอบประชาธิปไตย รวมถึงเป็นภูมิคุ้มกันการรัฐประหารได้ดีที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image