ไม่ว่าจะมองผ่านมติของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ไม่ว่าจะมองผ่านการขับเคลื่อนของพรรคอนาคตใหม่เพื่อแสวงหาจินตนาการใหม่ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ
มิได้กระทำตาม “สัญญาประชาคม” อันพรรคประชาธิปัตย์ได้ เคยประกาศไว้ก่อนเข้าร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ
หากแต่ยังได้กระทำตาม “นโยบาย” ของรัฐบาล
ทั้งยังมิได้เป็นนโยบายอย่างธรรมดาสามัญ หากแต่ยังเป็นนโยบายอย่างที่เรียกว่า “เร่งด่วน” อันเท่ากับผูกมัดเอาไว้ด้วยกรอบเวลาภายใน 1 ปี
แท้จริงแล้ว กิจกรรมของพรรคอนาคตใหม่และกิจกรรมของ 7 พรรคร่วมรัฐบาลก็คือการสนองต่อนโยบายของรัฐบาล
โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การแก้ไข “รัฐธรรมนูญ”
หากอ่านรายละเอียดการเสวนาเพื่อเสาะหา “จินตนาการใหม่” ตอน บ่ายวันนี้ที่พุทธสถานเชียงใหม่ของพรรคอนาคตใหม่ก็จะมองเห็นถึงความพยายามในการระดมสมองอย่างมีนัยสำคัญ
1 ระดมจาก น.ส.สุรีรัตน์ ตรีมรรคา อันเป็นภาคประชาสังคม
1 ระดมจาก นายโคทม อารียา ซึ่งไม่เพียงแต่ปัญญาชนที่เดินหนทางสันติวิธีมาอย่างยาวนาน หากแต่ยังเคยเป็นกกต.
1 ระดมจาก นายกษิต ภิรมย์ และ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร
ทั้งสองคนนี้เคยเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายกษิต ภิรมย์ เคยร่วมเคลื่อนไหวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและกปปส.
“อาหารดี ดนตรีไพเราะ” คงยังจำกันได้
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร เคยเป็นกกต.ในห้วงแห่งการปฏิรูปก่อนการเลือกตั้งและเคยสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์
นี่คือการยื่นมือจากพรรคอนาคตใหม่ไปยังภาคประชาสังคม ภาควิชาการและบางพรรคการเมือง
เป็นการสมานไมตรีเพื่อเสาะหา “จินตนาการใหม่” ร่วมกัน
หากถือว่ากิจกรรมในวันที่ 4 สิงหาคมเป็นการเริ่มบาทก้าวที่ 1 ไปสู่การสร้าง “ฉันทามติร่วม” เพื่อนำไปสู่การขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือการเดินแนวทาง 3 ประสานที่มีความหมาย
1 เป็นการสนองต่อนโยบายรัฐบาล 1 เป็นการร่วมระหว่างพรรคการเมืองกับภาคประชาสังคม ปัญญาชนนักวิชาการ
เป้าหมายอยู่ที่ “รัฐธรรมนูญ” อย่างจริงจัง มั่นคง
