พรรคอนาคตใหม่เปิดแคมเปญ ‘จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่’ ที่เชียงใหม่
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 4 สิงหาคม 2562 ที่พุทธสถานเชียงใหม่ อ.เมืองเชียงใหม่ พรรคอนาคตใหม่ เปิดเวทีสานเสวนา ‘จินตนาการใหม่ ข้อตกลงใหม่ รัฐธรรมนูญใหม่ : ประเทศไทยแบบไหนที่เราอยากอยู่ร่วมกัน’ ดำเนินรายการโดยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วยนายกษิต ภิรมย์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) นายโคทม อารียา ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาและพัฒนาสันติวิธี มหาวิทยาลัยมหิดล นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง และนางสุรีรัตน์ ตรีมรรคา ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนภาคเหนือ รวมทั้งแกนนำพรรคคนสำคัญ อาทิ นายชำนาญ จันทร์เรือง น.ส.พรรณิการ์ วานิช นายรังสิมันต์ โรม และมีประชาชนชาวเชียงใหม่เข้าร่วมเสวนากว่า 300 คน
นายกษิต กล่าวว่า ทัศนคติและค่านิยมของคนไทยต่ออำนาจนิยมและระบบอุปถัมภ์ที่อยู่มานาน ด้วยความเกรงกลัวต่อผู้มีอำนาจและยศศักดิ์ ประชาชนมีสถานะเป็นผู้ใต้บังคับบัญชา เกิดความพึ่งพาระหว่างกันจากความสัมพันธ์ส่วนตัว ทำให้หลักกฎหมายถูกระงับเพราะมีการวิ่งเต้น กระบวนยุติธรรมถูกแทรงแซงได้ คำว่าสถานะเท่าเทียมกันทำไม่ได้ เป็นประเด็นปัญหาของการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านมา ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครองมาจนถึงวันนี้มีคำเรียกว่า โจรการเมือง อาจยกเว้นสมัย นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายอานันท์ ปันยารชุน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่จบแล้วจบกันไม่มีการสานต่อ แต่นอกนั้นมีแต่การโกงกินบ้านเมือง รัฒนตรีชุดใหม่ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เริ่มแล้วในวันที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ถึงเวลาที่เราต้องมานั่งคุยกันและทบทวนในสถาบันหลัก ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และนิติธรรมนิติรัฐ มีความเข้าใจและเคารพกฎหมายกันแค่ไหน ขาดธรรมภิบาลแค่ไหน จุดอ่อนคือความล้มเหลวของศีลธรรมในสังคมไทย ไม่มีใครพูดความจริงกับประชาชน ควรส่งเสริมคนให้มีศีลธรรมมากขึ้น และประเด็นสุดท้ายคือ รัฐธรรมนูญฉบับนี้ถอยหลังเข้าคลองซึ่งพยายามคัดค้านมาตลอด โดยเฉพาะการให้ข้าราชการมีตำแหน่งทางการเมือง
“ส่วนประเด็นรัฐธรรมนูญที่ทั่วโลกบอกคือ ประชาชนเป็นใหญ่ เสียงข้างมากเป็นใหญ่ในที่ประชุมสภา ไม่ควรดึงดันกันด้วยรถถัง หรือใช้เสียงข้างมากที่เป็นพวกเดียวกันในสภา เพราะเท่ากับเผด็จการพอกัน ในขณะที่มีคำถามว่าพรรคการเมืองเป็นของครอบครัว หรือพรรคที่เป็นประชาธิปไตยในตัวพรรคหรือไม่ เป็นสิ่งที่ต้องทำเพื่อก้าวไปสู่รัฐธรรมนูญใหม่ที่ดีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดคือทำให้พรรคการเมืองเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ให้ได้ก่อน” นายกษิต กล่าว
นายโคทม กล่าวว่า ต้องตั้งคำถามว่า ประเทศไทยไปรับของคนอื่นมาหรือไม่ นโยบายจินตนาการใหม่ของลาว ในขณะที่เวียดนามมีนโยบายใหม่เช่นกัน เพื่อปฏิรูปของประเทศเพื่อนบ้าน หรืออดีตประธานาธิบดีรูดเวลล์ ที่บอกวาต้องตกลงกันใหม่อย่างเป็นธรรม แตไม่เป็นไรเรามาประยุกต์กติกา ฉันทามติ และวิธีการอยู่ร่วมกันโดยก้าวข้ามการแบ่งขั้นทางการเมืองอย่างไร แต่คำถามคือ เราจะหาจุดร่วมเพื่อพูดคุยกันได้หรือไม่ แม้จะยากแต่ก็ต้องพยายาม ที่ผ่านมามีความพยายามเลิกเผด็จการทหารแต่จนวันนี้ยังคงมั่งคั่งและยั่งยืนอยู่เช่นเดิม ได้แต่ความบอบช้ำ ซึ่งขอเรียกว่า กับดัก ดูที่การแต่งตั้ง สว. ทั้งหมดคือเป็นพวกใคร เพราะคนมีอำนาจคิดสุดโต่ง เราควรต้องเปลี่ยนความคิดทางสังคมและวัฒนธรรม คิดสร้างสรรค์เพื่อก้าวให้พ้นกับดักทางเศรษฐกิจ การแบ่งขั้วผู้เสียประโยชน์คือประชาชน คนได้เปรียบคือผู้มีอำนาจทางการเมืองและเศรษฐกิจ
“รัฐธรรมนูญต้องเป็นกติกาที่เป็นธรรม และการแก้ไขหรือฉบับใหม่ต้องมีความงดงามในตอนเริ่มต้น ตอนกลาง และปลาย ด้วยการคิดกว้างๆ ไว้ อยกาเห็นอำนาจรัฐมาจากมนุษย์ไม่ใช่มาจากสิ่งศักดิ์หรือพระผู้เป็นเจ้า เพราะมีความดีพื้นฐานอยู่ในตัวที่นำไปสู่การตัดสินใจเพื่อประโยชน์สุขของส่วนร่วม ความพอดีพอประมาณไม่ต้องดีที่สุด ปลูกฝังประชาธิปไตยที่มีปัญญานำไม่ใช่กิเลส อยู่กันแบบฉันท์พี่น้อง มีคณะกรรมการอิสระที่จะมาใช้พลังประชาคมช่วยกันสร้างแผนที่เดินทางไปสู่เป้าหมายคือความเห็นร่วมกันของคนส่วนใหญ่ หรือฉันทามติ ที่ไม่มีเจตนาไปล้มล้างหรือสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ แต่ขอให้เป็นรัฐธรรมนูญใหม่ที่เปิดประตูรับฟัง ฝายรัฐบาลรับฟังด้วยกติกาที่เป็นธรรม และขอให้ทั้งฝ่ายรัฐบาลผู้มีอำนาจและฝ่ายค้านคุยกันอย่างฉันท์มิตร ทำสิ่งดีงามให้เยาวชนเห็นประเทศชาติก้าวหน้า ใช้สื่อออนไลน์ไปในทางสร้างสรรค์ นำมารวบรวมความเห็นให้ได้มากที่สุด” นายโคทม กล่าว
นางสุรีรัตน์ กล่าวว่า ในฐานะเอ็นจีโอและคนเชียงใหม่ ตลอด 60-70 ปี มีความชัดแย้งจากความไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งคนชนบทหรือชาวบ้านไม่ได้อะไรจากความขัดแย้ง มีแต่ความเหลื่อมล้ำมากขึ้น และไม่เคยมีความเป็นธรรม รัฐธรรมนูญไม่สามารถลดความเหลื่อมล้ำได้ทันที แต่เราต้องยอมรับว่าเป็นกฎหมายที่สำคัญและเป็นเป้าหมายในการใช้สร้างจินตนาการร่วมกัน ไม่ต้องรักกันแต่อย่างชังกันเพื่ออยู่ร่วมกันให้ได้ ทำลายความแตกต่างและเคารพความหลากหลายนี้ และนำพาไปสู่ความเสมอภาค เราฝากความหวังรัฐสภาให้เกิดคณะกรรมการสักชุดขึ้นมาร่วมมือกันในการนำไปสู่การแก้รัฐธรรมนูญ ไม่จำเป็นต้องมีแกนนำบนท้องถนนอีกต่อไป และรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ควรมาด้วยความรุนแรง
นายสมชัย กล่าวว่า เส้นทางการแก้รัฐธรรมนูญคดเคี้ยวแต่เชื่อว่าจะไปให้ถึง เพื่อช่วยกันผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนอย่างแท้จริง 13 ปีที่ผ่านมาประเทศไทยเสียเวลาไปมาก เพราะความขัดแย้งในทุกพื้นที่ ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพูดผิดเสมอ สาเหตุมาจากนักการเมืองที่สร้างทัศนคติต่อประชาชน ชนชั้นนำทั้งหลาย ที่สร้างให้เกิดความขัดแย้ง และประชาชนที่มีความเอาจริงเอาจังจนมากเกินไปโดยไม่เข้าใจโดยไม่กลั่นกรองข้อมูล เทคโนโลยีที่มีข่าวสารไปถึงเร็วมากจนเคยชินไปกับข้อมูลที่ซ้ำซาก แม้แต่พรรคอนาคตใหม่ก็เช่นกัน ที่ตนไม่อยากให้ประชาชนเชื่อทั้งหมดแต่ให้ทำความเข้าใจและดูข้อเท็จจริง รวมถึงรัฐธรรมนูญใหม่ก็ควรจะแสวงหาข้อมูลเพื่อสร้างความให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้
“การจะแก้รัฐธรรมนูญ สิ่งแรกคือการแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนก่อน ตรวจสอบถ่วงดุลย์ได้ สว.ไม่มีทางมาถ่วงดุลย์ได้ ไม่ใช่กลไกที่ถูกต้อง ควรมีองค์กรอิสระหรือประชาชนที่มาจากคนนอกมาตรวจสอบ หลักการดีแต่ยืมนาฬิกาเพื่อนแบบนี้ไม่ได้ หรือการถวายสัตย์ไม่ครบ แต่บอกว่าอย่าถามให้สิ่งที่ไม่ควรรู้ แล้วจะเป็นประชาธิไตยได้อย่างไร อยากให้เดินหน้าแก้ไปเลยมาตราไหนไม่ดี ฝ่ายค้านเสนอญัตติเข้าไปเลย ในขณะที่นอกสภาคือ การเดินหน้าให้ความรู้ประชาชน ให้เห็นทุกข์เพื่อหาทางแก้ แต่ต้องมีความสามัคคีกับทุกฝ่าย ไม่ใช่แค่อนาคตใหม่ ใครเสียงดังในสังคมเชิญมาพูดให้ประชาชนฟัง หากยังคงรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 จะเป็นความทุกข์และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะอกแตกตายเอง เพราะไม่มี ม.44 มีการต่อรองจากพรรคร่วม ไม่มีความสุขแน่ เส้นเลือดในสมองจะแตกตาย เพราะกลไกไม่เอื้อให้ทำงานได้ และความขัดแย้งจะยังคงอยู่เป็นความอึดอัดของประชาชน และจะนำไปสู่การออกมาระบายความรู้สึก ซึ่งเป็นเรื่องน่ากลัว” นายสมชัย กล่าว