‘สมคิด’ วอนนักลงทุนไทยอย่าหนีไปลงทุนตปท. หวั่นอินโดฯ-เวียดนาม ชิงธงนำอาเซียน

“สมคิด” วอนคนไทย-นักลงทุนเชื่อมั่น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ อย่าอ้างความไม่แน่นอนแล้วไปลงทุนต่างประเทศ แนะใช้ช่องเงินบาทแข็ง เร่งลงทุน ชี้ต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ยกระดับศึกษาฯ-เกษตร-อุตสาหกรรม หวั่น อินโดฯ-เวียดนามชิงธงนำอาเซียน ยันไม่มีขัดแย้งในการทำงาน

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 สิงหาคม ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อาคารอิมแพค ฟอรั่ม อิมแพค เมืองทองธานี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงนโยบายรัฐบาลที่สำคัญต่อผู้บริหารระดับสูง ความตอนหนึ่งว่า การส่งออกของประเทศจะขึ้นมาเป็นบวกสูงอย่างที่เคยเป็นมานั้น ต้องมีการบริโภคภายใน ขณะที่การลงทุนทั้งในและต่างประเทศจะขึ้นอยู่กับความพอใจและความมั่นใจของนักลงทุนต่างประเทศ สิ่งสำคัญคือคนไทยต้องมีความมั่นใจในประเทศของเรา ถ้าเงินบาทแข็งนักลงทุนต้องชิงจังหวะลงทุนให้มากขึ้น ไม่ใช่บอกว่ามีความไม่แน่นอนแล้วไปลงทุนต่างประเทศ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นถือว่าไม่ได้ช่วยกันเลย ส่วนรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ต้องถือโอกาสนี้ลงทุน อะไรที่ช่วยกันได้อยากให้ช่วยกัน

นายสมคิดกล่าวว่า เรื่องความขัดแย้งไม่ลงรอย ไม่มีอย่างเด็ดขาดรับรองได้ ถ้าเราไม่ลงทุนเองแล้วต่างประเทศจะมาลงทุนได้อย่างไร ไม่ใช่บอกแค่ว่าให้กระตุ้นเศรษฐกิจแต่ไม่มีการลงทุนแล้วจะไปทำได้อย่างไร สิ่งที่รัฐบาลควบคุมอยู่คืองบประมาณแผ่นดิน และรัฐวิสาหกิจเราพยายามจะทำเต็มที่ แต่ภายใต้สถานการณ์ขณะนี้ยังคงไม่เพียงพอ ดังนั้น กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเตรียมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้ทรุดต่ำไปมากกว่านี้ โดยมาตรการจะนำเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาต่อไป

นายสมคิดกล่าวว่า การบริหารประเทศจะทำในระยะสั้นจนเกินไป ก็เหมือนกับรถที่ต้องคอยปะอยู่ตลอดแล้วรอดูว่าเมื่อไหร่จะเกิด ดังนั้นการฟื้นฟูและปฏิรูปโครงสร้างจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องต่อยอดโครงการที่รัฐบาลชุดที่แล้วทำอยู่ โดยมี 3 มิติ คือ ความสามารถในการแข่งขันกับต่างประเทศ เช่น เรื่องอีอีซี มี 3 เฟส คือ การสร้างความน่าเชื่อถือในช่วงสองปีที่ผ่านมา จากนั้นทำให้นักลงทุนมาลงทุนที่ประเทศไทยมากที่สุด รวมไปถึงเตรียมพร้อมทรัพยากรบุคคล หรือสถาบันการศึกษาต้องพร้อมรองรับในการผลิตบุคลากร และจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาดูแลเรื่องค่าเงินบาท และเฟสสาม ต้องทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางให้เกิดการมาลงทุน เวลานี้เราดึงประเทศจีนและญี่ปุ่นมาร่วมแล้ว ที่สำคัญต้องทำให้เกิดความมั่นใจเรื่องความมั่นคง เรื่องเกษตรอุตสาหกรรม การขนส่ง และบริการอื่นๆ ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ และต้องเตรียมพร้อมอุตสาหกรรมไปสู่ดิจิทัล มีการค้าขายสินค้าเกษตรทางอีคอมเมิร์ซได้ ต้องมีการสร้างผู้นำทางความคิดในการเปลี่ยนแปลงโครสร้าง ไม่อย่างนั้นเวลาพูดเรื่องงบประมาณหรือนโยบายก็ถูกด่า ผลัดกันด่าและรับคำด่าเพราะแก้ไม่ได้ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงและยกระดับไปสู่เกษตรสมัยใหม่ ไม่มีทางแก้ความจนได้ ส่วนเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการวางพื้นฐานสำหรับอนาคตให้ผู้สูงอายุ เด็ก ผู้ป่วย ที่เราต้องรู้หลักรายได้ถาวร ซึ่งกระทรวงคลังจะต้องพูดคุยกับสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลังต้องไปดูในรายละเอียด

Advertisement

“สิ่งที่เราจะเผชิญไปข้างหน้า ไม่ใช่เรื่องตลก เพราะเศรษฐกิจข้างนอกไม่ดีจริงๆ ที่บอกว่าจะให้กระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ทั้งระบบการศึกษา เรื่องเศรษฐกิจ แล้วจะไปเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร ขอให้มองไปที่ประเทศอินโดนีเซีย เวียดนาม เขาจะชิงธงมาเป็นผู้นำอาเซียน ถ้าเราไม่แข่งกับเขา ก็จะไปยาก” นายสมคิดกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image