ฟางเส้นสุดท้ายขับ “ชายหมู” เฉือนเนื้อร้าย รักษาพรรคประชาธิปัตย์ !!

แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อแสดงจุดยืนตัดขาดจากการกระทำใดๆ ของ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ดูเหมือนจะทำให้ ปชป.ลอยตัวจากการตรวจสอบของ “คนกันเอง” ภายในพรรคไปด้วย

“พรรคมีความจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบต่อทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบความไว้วางใจ สนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงขอแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าการบริหารของกรุงเทพมหานครจากนี้ไปถือเป็นการดำเนินการโดยเอกเทศ…” แถลงการณ์ ปชป.ระบุ
รายงาน

แถลงการณ์ของพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพื่อแสดงจุดยืนตัดขาดจากการกระทำใดๆ ของ “คุณชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ดูเหมือนจะทำให้ ปชป.ลอยตัวจากการตรวจสอบของ “คนกันเอง” ภายในพรรคไปด้วย

“พรรคมีความจำเป็นต้องแสดงความรับผิดชอบต่อทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบความไว้วางใจ สนับสนุนให้ผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงขอแสดงท่าทีที่ชัดเจนว่าการบริหารของกรุงเทพมหานครจากนี้ไปถือเป็นการดำเนินการโดยเอกเทศ…” แถลงการณ์ ปชป.ระบุ

เหตุผลในแถลงการณ์ที่ทำให้ ปชป.ยื่นคำขาด-ขับคุณชายหมูพ้นพรรคจากการกระทำ คือ “ไม่สามารถติดต่อได้”

ADVERTISMENT

“แถลงการณ์ชัดเจนอยู่แล้วว่า การตัดขาดคุณชายหมู ไม่ว่าการกระทำใดๆ ของคุณชายหมู ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ คือไม่สามารถติดต่อได้ พยายามติดต่ออย่างไรก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุย ในเมื่อไม่สามารถติดต่อกันเพื่อแก้ปัญหา และพรรคเป็นผู้ส่งคุณชายหมูสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคจึงต้องแสดงความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง ด้วยการพูดคุยกันว่ามีการกระทำที่ไม่โปร่งใสอย่างไร ความเป็นจริงเป็นอย่างไร เพื่อนำข้อเท็จจริงมาหารือกันว่าจะแก้ไขกันอย่างไร แต่ปรากฏว่าติดต่ออย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ พอติดต่อไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องแถลงการณ์แสดงจุดยืน” วิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. ปชป. ระบุหลังปมทุจริตโครงการของ กทม.ไม่ได้รับการตอบสนอง

มาร์ค

ถึงแม้ว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้า ปชป. กับ “คุณชายหมู” จะมีโอกาสโคจรมาพบกันใกล้ความจริงที่สุด หลังเป็นแขกรับเชิญกิจกรรม Givers Ride and Run (วิ่งและปั่น) ในงาน “สมุย เฟสติวัล 2016” ที่มี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยเป็นแม่งาน หลัง ปชป.แถลงการณ์ตัดขาดจากคุณชายหมูเพียงไม่กี่วัน จนทุกสายตาจับจ้องว่านายสุเทพผู้ที่ยังมีบารมีใน ปชป.จะเป็นมือประสาน-สมานรอยร้อย แต่สุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่ได้พบกัน คนใน ปชป. เปิดเผยว่า “ถ้าต้องการคุยกันจริง ๆ คงจะมีการคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา”

การแถลงการณ์ตัดขาดจากคุณชายหมูของ ปชป.ครั้งนี้ เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากจะไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำใดๆ ของคุณชายหมู-ทีมผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ยังทำให้พรรคไม่ถูกคำครหาว่ามีส่วนรู้เห็น

“พรรคไม่ได้ต้องการผลักความรับผิดชอบ ในเมื่อมันคุยกันไม่ได้ จึงต้องแจ้งให้ประชาชนรู้ว่า เฮ้ย ถ้าคุณทำแบบนี้แล้วพรรคไม่รับผิดชอบอะไรเลย ปล่อยให้มีการดำเนินการและปล่อยให้มีการทุจริต และไม่แถลงให้ประชาชนรู้ ก็กลายเป็นว่าพรรคมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำที่ไม่โปร่งใสด้วย ถ้าแถลงข่าวไปเลยว่า พรรคติดต่อไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมันไปรับผิดชอบกันเอาเอง ถ้าพรรคไม่แถลงการณ์ตัดขาดกับคุณชายหมู นั่นแหละคือการแสดงว่าพรรคไม่รับผิดชอบ ชาวบ้านจะรู้ได้ยังไงว่า มันติดต่อกันไม่ได้ วันนี้ต้องบอกให้ชาวบ้านรู้” วิลาศระบุ

อย่างไรก็ตาม ฟางเส้นสุดท้ายของการตัดสินใจเฉือนเนื้อร้ายออกจากพรรค ลึกๆ แล้วไม่ใช่ปม “ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก” แต่เป็นเพราะถูกคนในพรรค-กระแสสังคมกดดันหนัก !

ยิ่งผลพลอยได้จากการแสดงจุดยืนของพรรคในการตัดขาดคุณชายหมูในครั้งนี้ นอกจากการแสดงความรับผิดชอบต่อฐานเสียงของพรรคในพื้นที่เมืองหลวงแล้ว ยังเป็นการซื้อใจคนเมืองกรุงที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ ปชป. แต่ก็ไม่ชอบขั้วตรงข้ามอย่างพรรคเพื่อไทย ให้เทคะแนนเสียงให้แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.คนต่อไป ที่พรรคจะส่งลงสมัครผู้ว่าฯเสาชิงช้าในปี′60

“ทั่วๆ ไปอาจจะดูเหมือนการตัดขาดจากคุณชายหมู เนื่องจากเพียงแค่ติดต่อไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาพรรคประสงค์จะพบมาโดยตลอด แต่ฝ่ายผู้ว่าฯ กทม.กลับไม่ประสงค์จะพบ ยิ่งเวลามันล่วงเลยมาเนิ่นนานติดต่อกันไม่ได้ เพราะทางพรรคก็กดดัน ประชาชนก็กดดันว่าจะเอาอย่างไร ทำไมปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้ จึงต้องตัดสินใจ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรก็มีผลกระทบ ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อย แต่ถ้าไม่ตัดสินใจมันจะกระทบไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด” แหล่งข่าวระดับสูงใน ปชป.เผยเบื้องหลัง-เบื้องลึกตัดขาดคุณชายหมู

ส่วนการกระทำใดๆ หลังจากนี้ของคุณชายหมู ปชป.จะร่วมรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่? แหล่งข่าวระบุว่า “แถลงการณ์ชัดเจนในตัวมันอยู่แล้ว”

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ยกเว้นคุณชายมาพบกันว่ามีความร่วมมือกันทำงานอย่างไร นำข้อมูลมาดูกันว่าเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงจะได้ชี้แจงว่าไม่จริงอย่างไร ถ้ามีมูลจะแก้ไขอย่างไร แต่พอพบกันไม่ได้ คุยกันไม่ได้ จึงไม่มีช่องทางให้เกิดความกระจ่าง”

ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว
เหตุผลในแถลงการณ์ที่ทำให้ ปชป.ยื่นคำขาด-ขับคุณชายหมูพ้นพรรคจากการกระทำ คือ “ไม่สามารถติดต่อได้”

“แถลงการณ์ชัดเจนอยู่แล้วว่า การตัดขาดคุณชายหมู ไม่ว่าการกระทำใดๆ ของคุณชายหมู ไม่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ คือไม่สามารถติดต่อได้ พยายามติดต่ออย่างไรก็ไม่มีโอกาสได้พูดคุย ในเมื่อไม่สามารถติดต่อกันเพื่อแก้ปัญหา และพรรคเป็นผู้ส่งคุณชายหมูสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคจึงต้องแสดงความรับผิดชอบส่วนหนึ่ง ด้วยการพูดคุยกันว่ามีการกระทำที่ไม่โปร่งใสอย่างไร ความเป็นจริงเป็นอย่างไร เพื่อนำข้อเท็จจริงมาหารือกันว่าจะแก้ไขกันอย่างไร แต่ปรากฏว่าติดต่ออย่างไรก็ติดต่อไม่ได้ พอติดต่อไม่ได้ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงต้องแถลงการณ์แสดงจุดยืน” วิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. ปชป. ระบุหลังปมทุจริตโครงการของ กทม.ไม่ได้รับการตอบสนอง

ถึงแม้ว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” หัวหน้า ปชป. กับ “คุณชายหมู” จะมีโอกาสโคจรมาพบกันใกล้ความจริงที่สุด หลังเป็นแขกรับเชิญกิจกรรม Givers Ride and Run (วิ่งและปั่น) ในงาน “สมุย เฟสติวัล 2016” ที่มี “สุเทพ เทือกสุบรรณ” ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทยเป็นแม่งาน หลัง ปชป.แถลงการณ์ตัดขาดจากคุณชายหมูเพียงไม่กี่วัน จนทุกสายตาจับจ้องว่านายสุเทพผู้ที่ยังมีบารมีใน ปชป.จะเป็นมือประสาน-สมานรอยร้อย แต่สุดท้ายทั้ง 2 ฝ่ายก็ไม่ได้พบกัน คนใน ปชป. เปิดเผยว่า “ถ้าต้องการคุยกันจริง ๆ คงจะมีการคุยกันก่อนหน้านี้แล้ว ตั้งแต่ 2-3 เดือนที่ผ่านมา”

การแถลงการณ์ตัดขาดจากคุณชายหมูของ ปชป.ครั้งนี้ เหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว เพราะนอกจากจะไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำใดๆ ของคุณชายหมู-ทีมผู้ว่าฯ กทม.แล้ว ยังทำให้พรรคไม่ถูกคำครหาว่ามีส่วนรู้เห็น

“พรรคไม่ได้ต้องการผลักความรับผิดชอบ ในเมื่อมันคุยกันไม่ได้ จึงต้องแจ้งให้ประชาชนรู้ว่า เฮ้ย ถ้าคุณทำแบบนี้แล้วพรรคไม่รับผิดชอบอะไรเลย ปล่อยให้มีการดำเนินการและปล่อยให้มีการทุจริต และไม่แถลงให้ประชาชนรู้ ก็กลายเป็นว่าพรรคมีส่วนรู้เห็นกับการกระทำที่ไม่โปร่งใสด้วย ถ้าแถลงข่าวไปเลยว่า พรรคติดต่อไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมันไปรับผิดชอบกันเอาเอง ถ้าพรรคไม่แถลงการณ์ตัดขาดกับคุณชายหมู นั่นแหละคือการแสดงว่าพรรคไม่รับผิดชอบ ชาวบ้านจะรู้ได้ยังไงว่า มันติดต่อกันไม่ได้ วันนี้ต้องบอกให้ชาวบ้านรู้” วิลาศระบุ

อย่างไรก็ตาม ฟางเส้นสุดท้ายของการตัดสินใจเฉือนเนื้อร้ายออกจากพรรค ลึกๆ แล้วไม่ใช่ปม “ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก” แต่เป็นเพราะถูกคนในพรรค-กระแสสังคมกดดันหนัก !

ยิ่งผลพลอยได้จากการแสดงจุดยืนของพรรคในการตัดขาดคุณชายหมูในครั้งนี้ นอกจากการแสดงความรับผิดชอบต่อฐานเสียงของพรรคในพื้นที่เมืองหลวงแล้ว ยังเป็นการซื้อใจคนเมืองกรุงที่ไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ ปชป. แต่ก็ไม่ชอบขั้วตรงข้ามอย่างพรรคเพื่อไทย ให้เทคะแนนเสียงให้แคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.คนต่อไป ที่พรรคจะส่งลงสมัครผู้ว่าฯเสาชิงช้าในปี′60

“ทั่วๆ ไปอาจจะดูเหมือนการตัดขาดจากคุณชายหมู เนื่องจากเพียงแค่ติดต่อไม่ได้ แต่ที่ผ่านมาพรรคประสงค์จะพบมาโดยตลอด แต่ฝ่ายผู้ว่าฯ กทม.กลับไม่ประสงค์จะพบ ยิ่งเวลามันล่วงเลยมาเนิ่นนานติดต่อกันไม่ได้ เพราะทางพรรคก็กดดัน ประชาชนก็กดดันว่าจะเอาอย่างไร ทำไมปล่อยให้คาราคาซังอยู่อย่างนี้ จึงต้องตัดสินใจ ถึงแม้จะรู้ว่าไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไรก็มีผลกระทบ ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อย แต่ถ้าไม่ตัดสินใจมันจะกระทบไปเรื่อย ๆ ไม่มีที่สิ้นสุด” แหล่งข่าวระดับสูงใน ปชป.เผยเบื้องหลัง-เบื้องลึกตัดขาดคุณชายหมู

ส่วนการกระทำใดๆ หลังจากนี้ของคุณชายหมู ปชป.จะร่วมรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วยหรือไม่? แหล่งข่าวระบุว่า “แถลงการณ์ชัดเจนในตัวมันอยู่แล้ว”

ก่อนจะทิ้งท้ายว่า “ยกเว้นคุณชายมาพบกันว่ามีความร่วมมือกันทำงานอย่างไร นำข้อมูลมาดูกันว่าเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาจริงหรือไม่ ถ้าไม่จริงจะได้ชี้แจงว่าไม่จริงอย่างไร ถ้ามีมูลจะแก้ไขอย่างไร แต่พอพบกันไม่ได้ คุยกันไม่ได้ จึงไม่มีช่องทางให้เกิดความกระจ่าง”

ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว