เหยี่ยวถลาลม : เข้าใจให้ตรงกัน

ได้ยิน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบกพูดว่า ตอนนี้กองทัพและรัฐบาลทำงานแยกออกจากกัน กองทัพมีบทบาทในการสืบหาผู้เผยแพร่การโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐและสถาบัน ส่วนการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดขึ้นอยู่กับรัฐบาล

ฟังแล้วยังอึมครึม คลุมเครือ !

นี่ไม่ใช่ทศวรรษ 1970-1980

ประเทศไทยมีบทเรียนจากความผิดพลาดจนเกิดเหตุ “1 ประเทศ 2 กองทัพ”

Advertisement

1 กองทัพไทย กับ 1 กองทัพปลดแอกประชาชนแห่งประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย

ถ้าไม่ขลาดกลัวจนเกินไป ไม่เดินตามก้นอเมริกาจนได้กลิ่นผายลม ถ้าไม่รับผลประโยชน์จากสหรัฐกันเป็นล่ำเป็นสัน ถ้าไม่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือข่มเหงรังแกฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง

และถ้าไทยไม่ลั่นกระสุนเข่นฆ่าไทยกันเอง “กองทัพปลดแอกฯ” ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยก็ไม่เกิด และไม่เติบโต

Advertisement

แต่เป็นที่ประจักษษ์ว่า กองทัพไทยไม่สามารถเอาชนะได้ด้วย “ปืน”

กองทัพปลดแอกฯสลายลงด้วย “นโยบาย 66/2523” ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมจึงตั้งอยู่สืบมา

ดังนั้น ต้องทำความเข้าใจให้ตรงกันว่า “ระบอบประชาธิปไตย” นั้นมีความแตกต่างจากระบอบเผด็จการทุกชนิดรวมทั้งคอมมิวนิสต์

ในระบอบประชาธิปไตย รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีการเปลี่ยนถ่ายอำนาจ “ฝ่ายบริหาร” โดยสันติ ทุกๆ 4 ปี

“รัฐบาล” อาจจะมั่นคงหรือสั่นคลอนก็ขึ้นอยู่กับการทำตัว

ส่วนที่เรียกว่า “รัฐ” นั้น คือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข

“รัฐ” จะปลอดภัย ประชาธิปไตยจะเจริญงอกงาม นิติธรรมจะตั้งมั่น ไม่มีการก่อกบฏก่อรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญอีก ถ้าหากใช้โทษ “ประหารชีวิต” อย่างจริงจัง กล้าหาญ

ถามว่า ที่ ผบ.ทบ.กล่าวมาทั้งหมดนั้น มีความมุ่งหมายจะสื่อสารความหมายอันใด

เข้าใจตรงกันหรือไม่

“รัฐบาล” จะมั่นคงหรือไม่มั่นคงเป็นเรื่องของรัฐบาล ซึ่งทำหน้าที่เป็นฝ่ายบริหาร ไม่ต้องไปติดยึดผูกมัด

ที่กองทัพควรจะทำหน้าที่คือ เสริมสร้างความมั่นคงแห่ง “รัฐ” เพื่อให้การพัฒนาของประเทศทุกด้านดำเนินไปตามครรลอง

ไม่ใช่ประจบเอาใจรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง

ถ้าจะสืบเสาะหาข่าวก็ต้องหาข่าวผู้สมคบคิดบ่อนทำลาย “รัฐประชาธิปไตย” ไม่ใช่ไล่ล่าประชาชนที่คิดต่างหรือต่อต้านรัฐบาล

คำว่า “รัฐ” กับ “รัฐบาล” นั้นไม่เหมือนกัน

กองทัพภายใต้การนำของ “อภิรัชต์” กำลังคิดและทำอะไร จะสู้รบปรบมือกับใคร !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image